โครงสร้างเฉลียงและชนิดของไม้ปูพื้นภายนอกอาคาร

นอกชานหรือชานบ้าน คือ พื้นที่เรือนที่ยื่นพ้นชายระเบียงออกมา มักพบได้ในบ้านไทยสมัยก่อน

ลักษณะเป็นพื้นไม้กว้างขวาง อาจมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาโผล่ขึ้นมาที่กลางลาน ประดับด้วยไม้ดัดในกระถางสวยงาม ใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนหรือเป็นที่พูดคุย นั่งรับประทานอาหารรวมไปถึงใช้รับแขก

โครงสร้างและการทำเฉลียงไม้

การออกแบบเฉลียงไม้ควรคำนึงถึงก่อนว่า จะใช้พื้นที่นี้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ใช้งานพร้อมกันกี่คน มีเฟอร์นิเจอร์สนามอะไรบ้างที่จะตั้งอยู่บนเฉลียง วิธีการก่อสร้างทำอย่างไร และกระทบต่อสิ่งก่อสร้างข้างเคียงเดิมหรือไม่ การทำเฉลียงไม้สามารถใช้ไม้จริงประเภทไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ หรืออื่นๆ ที่มีความแข็งและทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ โดยเลือกใช้ไม้ที่มีขนาดตั้งแต่หน้ากว้าง 4-6 นิ้ว และมีความหนาตั้งแต่ 1.25-2 นิ้ว โดยไม้พื้นดังกล่าวจะต้องยึดติดกับโครงสร้างด้านล่าง (ตง) ที่เป็นเหล็กกล่องหรือไม้

เนื่องจากตัวระแนงต้องยื่นออกมาจากขอบบ่อน้ำ จึงต้องเพิ่มความแข็งแรงโดยการใช้หน้าไม้ที่หนาเป็นพิเศษ
ปรับเปลี่ยนหน้าตาของลานพื้นไม้ โดยใช้ด้านสันไม้ปูแทน ทำให้ร่องไม้ดูถี่ขึ้นได้เรื่องของความสวยงาม และแปลกใหม่ แต่มีข้อเสียคือใช้ไม้ค่อนข้างเปลือง

1.ไม้เนื้อแข็งที่นำมาใช้งานต้องเคลือบน้ำยากันปลวกแบบใสและเคลือบทับด้วยน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือสีย้อมไม้อื่น ๆ

2.หากเป็นพื้นไม้เทียม ควรเลือกใช้สีเคลือบแข็ง อีพ็อกซี่ หรือสีอะคริลิกชนิดใช้กับพื้นไม้เทียม ซึ่งจำหน่ายโดยผู้ผลิตพื้นไม้เทียมเท่านั้น

3.ควรติดตั้งพื้นไม้จริงและไม้เทียมให้มีระดับลอยสูงจากพื้นดินปกติอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อป้องกันความชื้นและน้ำ

4.ทั้งพื้นไม้จริงและไม้เทียม ควรติดตั้งบนตงเหล็กกล่องหรือไม้ ซึ่งระยะห่างของตงนั้น หากเป็นไม้จริงมีระยะห่างตงที่ไม่เกิน 60 เซนติเมตร และสำหรับไม้เทียมให้ดูรายละเอียดในคู่มือของผู้ผลิต ซึ่งจะบ่งบอกระยะห่างของตงตามขนาดพื้นไม้เทียมชนิดต่าง ๆ ไว้เสมอ

5.ตงเหล็กต้องทาสีรองพื้นกันสนิมอย่างน้อย 2 รอบ หากสามารถชุบสีรองพื้นกันสนิมได้จะดีมาก

6.การใช้ไม้จริงเคลือบน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือสีย้อมไม้นั้น ต้องมีการดูแลและซ่อมแซมเมื่อสภาพผิวไม้ทรุดโทรมลง ซึ่งอาจมีระยะเวลาตั้งแต่ 2-4 ปี หากเฉลียงไม้นั้นปิดทับไปบนบ่อบำบัดสำเร็จรูปหรือบ่อเก็บน้ำ ควรทำฝายกได้สำหรับซ่อมบำรุงด้วยเสมอ

ตัดขอบของเฉลียงไม้เป็นทรงฟรีฟอร์ม ทำให้เกิดความรู้สึกที่เคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง

ชนิดของไม้ปูพื้นภายนอกอาคาร

  • พื้นไม้เต็ง : เป็นไม้เนื้อแข็ง มีสีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อค่อนข้างหยาบ แต่สม่ำเสมอ แข็งแรงและเหนียว ควรเคลือบผิวด้วยสีย้อมไม้หรือพอลิยูรีเทน (ชนิดด้าน) เพื่อรักษาเนื้อไม้ให้สวยงามอยู่เสมอ
  • พื้นไม้แดง : เป็นไม้เนื้อแข็ง มีสีแดงเรื่อๆ เนื้อละเอียดพอประมาณ แข็งแรงและเหนียว ทำให้เลื่อยหรือไสได้ยากควรเคลือบผิวด้วยสีย้อมไม้หรือพอลิยูรีเทน (ชนิดด้าน) เพื่อรักษาเนื้อไม้ให้สวยงามอยู่เสมอ
  • พื้นไม้สน : มีความแข็งแรงและผ่านการอบและอาบน้ำยา เพื่อป้องกันการบิดงอ รวมถึงแมลงกินไม้ต่างๆ จุดเด่นอยู่ที่มีการเดินร่องที่ผิวหน้าของพื้นไม้ เพื่อป้องกันการลื่น และไม่จำเป็นต้องขัดเคลือบ เพราะสีไม้ธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะอากาศ เหมาะสำหรับระเบียงหรือพื้นรอบสระว่ายน้ำ ช่วยลดความกระด้างและความร้อนของคอนกรีตในเวลากลางวัน
  • พื้นไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ : ใช้ทดแทนไม้ธรรมชาติได้เหมือนจริง ทนทานต่อสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ผุกร่อนหรือเปื่อยยุ่ย ปลวกไม่กิน มีสีสันให้เลือกหลากหลาย แต่มีน้ำหนักมาก สามารถใช้ตกแต่งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะงานกลางแจ้งที่มีความชื้นสูง
  • พื้นไม้ไวนิล : ผลิตจาก uPVC มีรูปลักษณ์และผิวสัมผัสใกล้เคียงธรรมชาติ ทนแดด ไม่ต้องขัดทำสี แต่พื้นไม้ไวนิลบางรุ่น เมื่อมองดูใกล้ๆ อาจมีร่องลายไม่สวยงามเท่ากับไม้จริง มีสีสันให้เลือกไม่มากนัก และเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก เหมาะกับงานภายนอกอาคารที่ต้องการความรวดเร็วในการติดตั้ง และใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงได้

เรื่อง : ฐปนา วชิรมาศ

ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน