ต้นไม้มงคล ความหมายดี ปลูกเป็นไม้ประธานในสวนก็ได้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและความเย็น ความร่มรื่นให้บ้าน
ต้นไม้มงคล ชนิดแรกที่เราอยากแนะนำคือต้นล่ำซำ ปัจจุบันกลายเป็นต้นไม้ยอดฮิตที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งสวน หรือปลูกเป็นไม้ประธานในสวน
ต้นไม้มงคล 1.ต้นล่ำซำ หรือ ต้นหูหนู มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros buxifolia (Blume) Hiern จัดอยู่ในวงศ์ Ebenaceae จัดเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ลำต้นมีเปลือกแตกเป็นร่องสีเทาอมดำ ใบเป็นลักษณะใบเดี่ยวสีเขียวรูปไข่ มีดอกสีขาว และจะออกดอกแยกเพศต่างต้น
ต้นล่ำซำ หากต้องการปลูกควรเว้นระยะห่างระหว่างต้น 4-6 เมตร หากปลูกติดกันเกินไปจะทำให้ต้นเติบโตช้า และการขยายพันธุ์มักนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด จึงเป็นพรรณไม้ที่โตช้าแต่ก็จะได้ต้นที่แข็งแรง
2.มั่งมี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carallia brachiata (Lour.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ Rhizophoraceae ต้นมั่งมีมีชื่อเดิมว่า “เฉียงพร้านางแอ” เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย ลำต้นสามารถสูงได้ถึง 25-35 เมตร โดดเด่นด้วยลักษณะลำต้นที่สูงตรงไม่มีกิ่งก้านที่แผ่ออกไปมากทำให้สามารถปลูกใกล้อาคารได้ อีกทั้งยังยังไม่ผลัดใบและใบร่วงไม่มากนักจึงให้ร่มเงากับอาคารได้ตลอดทั้งปี เนื้อไม้แข็งแรงและมีลายไม้สวยจึงสามารถนำไปใช้ทำเครื่องไม้เครื่องมือได้ นอกจากนั้นดอกยังมีกลิ่นหอม ผลสุกยังเป็นอาหารสำหรับสัตว์ขนาดเล็กอย่างนกและกระรอกในสวนได้
3.นางกวัก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros malabarica var. siamensis (Hochr.) Phengklai ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เป็นไม้ผลัดใบ สูง 8-15 เมตร ทรงพุ่มกลมทึบ ชอบแสงแดดจัดและบริเวณที่ชุ่มชื้น แต่ก็ทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี ผลแก่สามารถรับประทานได้ ไม่ผลัดใบและใบร่วงน้อยจึงเก็บกวาดใบได้ง่าย นิยมนำมาปลูกในบริเวณบ้านหรือริมน้ำเพื่อให้ร่มเงา เป็นต้นไม้มงคลชนิดหนึ่ง นิยมปลูกในทิศตะวันตกของบ้านจะช่วยให้ร่ำรวยขึ้นตามความเชื่อโบราณ เนื้อไม้สามารถนำมาแกะสลักเป็นเครื่องเรือนได้
4.กันเกรา ชื่อวิทยาศาสตร์: Fagraea fragrans Roxb. ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 10-15 เมตร ปลูกได้ทุกที่ในประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ ทนต่อน้ำท่วมขัง ออกดอกเป็นช่อสีขาว แต่ละช่อมี 15 – 25 ดอก เมื่อบานเต็มที่จะเป็นสีเหลืองอมแสด ส่งกลิ่นหอมไม่ฉุนตลอดวัน มักบานในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ผลกันเกรามีรสขมแต่ใช้เป็นอาหารของนกและค้างคาวได้ เป็นไม้มงคลหนึ่งในเก้าชนิดที่ใช้รองก้นหลุมก่อนลงเสาเอกของบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล นิยมปลูกทางทิศตะวันออก เชื่อว่าช่วยปกป้องคุ้มภัย นอกจากนั้นเนื้อไม้ยังแข็งแรงเป็นเสี้ยนตรงและเนื้อละเอียด นำมาขัดเงาง่ายและทนต่อปลวกจึงนำมาใช้ทั้งสร้างอาคารและเฟอร์นิเจอร์ได้ บางพื้นที่เรียกว่าต้นตำเสา
5.กระบก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Irvingia malayana Oliv. ex A.W.Benn. ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เป็นไม้ผลัดใบ สูง 10-30 เมตร โคนต้นมักขึ้นเป็นพูพอนสวยงาม เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกชนิดทั่วประเทศ นิยมปลูกเป็นกลุ่มกันในพื้นที่โล่ง ๆ สำหรับให้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์เพราะผลสุกจะร่วงลงสู่พื้นเป็นอาหารของสัตว์เคี่ยวเอื้องอย่างกวาง เก้ง วัวหรือควาย และนกชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังแหล่งอาหารของจุลินทรีย์อย่างดีจึงช่วยบำรุงดินและเพิ่มธาตุอาหารในดินได้ เนื้อไม้เนื้อแข็งและหนัก มีเสี้ยนตรงแข็งมากจึงนิยมใช้เป็นเครื่องเรือนที่ต้องการความทนทาน เช่น ครกและสาก เมล็ดสามารถนำมาคั่วรับประทานเป็นของว่าง บางคนเรียกกันว่า อัลมอนด์อีสาน นอกจากนั้นใบอ่อนยังใช้รับประทานสดได้อีกด้วย
6.จิกเศรษฐี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barringtonia macrocarpa Hasskl. วงศ์ Lecythidaceae ถิ่นกำเนิด มาเลเซียและอินโดนีเซีย ไม้ต้น สูง 15 -30 เมตร เปลือกต้นสีเทา ใบเดี่ยวออกเวียนสลับรอบกิ่ง ใบรูปรีถึงรูป ไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ แผ่นใบ หนาและบิด สีเขียวเข้มเป็นมัน ช่อดอกเป็น ช่อกระจะออกที่ปลายยอด ช่อดอกยาวกว่า 1 เมตร ห้อยลง ก้านช่อดอกและกลีบเลี้ยง สีแดงเรื่อ ดอกสีขาว ก้านเกสรเพศผู้สีขาว ยื่นยาวจากดอกจำนวนมาก ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วงกลางคืนถึงรุ่งเช้า พอช่วงสายดอกจะร่วง เหลือแต่กลีบเลี้ยง ผลรูปกระสวย มีสันยาว ประมาณ 12 เซนติเมตร ปลายผลมีกลีบเลี้ยง ติดอยู่
7.บุนนาค ชื่อวิทยาศาสตร์ Mesua ferrea L. ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์ CALOPHYLLACEAE ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 15-25 เมตร ทรงพุ่มใหญ่ลักษณะคล้ายเจดีย์ ใบเขียวเข้มตลอดปี ให้ร่มเงาได้ดี พบมากในป่าดิบชื้นใกล้แหล่งน้ำ ดอกมีกลิ่นหอมเย็น มักออกดอกในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ยอดอ่อนสามารถนำมาใช้ทานสดหรือทำอาหารได้ เนื้อไม้แข็งแรง กิ่งสามารถนำมาทำฐานรองพานดอกไม้ไหว้พระตามความเชื่อของชาวไทใหญ่ โบราณนิยมปลูกต้นบุนนาคไว้ทางทิศตะวันตกของบ้าน เชื่อว่าจะช่วยป้องกันภัยอันตรายต่างๆ เหมือนมีพญานาคคุ้มครอง
8.เสม็ดแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium cinerea Kurz. ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงโดยทั่วไป 7 เมตร ไม่ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาลแดง แตกสะเก็ดแผ่นบางๆ โคนต้นที่มีอายุมากมักเป็นพูพอน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ผลสีขาวทรงกลมขนาดเล็กดูน่ารัก ออกผลเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน พบขึ้นตามป่าธรรมชาติทุกภาคของประเทศไทย ยอดอ่อนเสม็ดแดงรับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมฝาด นิยมทั้งนำไปลวกและกินสดกับน้ำพริก คนอีสานจึงเรียกว่าผักเม็ก น้ำมันจากใบมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร สามารถใช้นวดแก้เคล็ด เมื่อย ปวดบวม แก้หมัด เหา หรือชุบสำลีอุดฟันแก้ปวดได้
9.แก้วเจ้าจอม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L. วงศ์ : Zygophyllaceae ไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบหมู่เกาะเวสต์อินดีสถึงทวีปอเมริกาใต้ ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแสงแดดตลอดทั้งวัน ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆออกดอกฤดูร้อน และฤดูร้อน
สนใจสั่งซื้อหนังสือ : รวมพันธุ์ไม้ต้นในสวน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม้ล้อม พร้อมปลูก ที่อุทยานไม้ใหญ่คลอง14
ไม้ดอกหอม 99 ต้น ปลูกได้ในไทย แต่งสวนก็สวย
ต้นเสม็ดแดง ต้นไม้มงคลแต่งสวน สวยโดดเด่น ใบร่วงน้อย
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com