บ้านและสวนแฟร์ 2022
28 ต.ค. - 6 พ.ย. 2565
อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ทุ่งน้ำนูนีนอย

ทุ่งน้ำนูนีนอย พื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ และคืนป่าให้อยู่ร่วมกับคน

ทุ่งน้ำนูนีนอย
ทุ่งน้ำนูนีนอย

ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญอย่างมากกับวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ทุ่งน้ำนูนีนอย ของนักนิเวศวิทยา ดร.อ้อย-สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ เป็นต้นแบบที่ดีในการทำรู้จักคำว่า “Rewild” กับพื้นที่ชุ่มน้ำกลางนาที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

ทุ่งน้ำนูนีนอย
ทุ่งน้ำนูนีนอยท่ามกลางนาข้าว ด้านบนจะเป็นลำเหมืองสาธารณะ ภายในมีระบบนิเวศที่ออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูป่า
สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
ดร.อ้อย-สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ นักนิเวศวิทยาและผู้ก่อตั้งทุ่งน้ำนูนีนอย กำลังโชว์ปลาตามธรรมชาติในบ่อน้ำที่ได้รับบำบัด
ทุ่งน้ำนูนีนอย
บางส่วนของทุ่งน้ำ จัดสรรเป็นแปลงนาเพื่อสร้างอาหารในพื้นที่โดยปราศจากการใช้สารเคมี
ตัวอย่างสัตว์ที่พบ 1. พนักงานกำลังตักปลาในแปลงกุหลาบที่น้ำใสสะอาด 2. ปลาไหล 3. แมลงปอบ้านกลางปลายหางแต้ม 4. รังนกกระจาบ 5. ผึ้งหลวงผสมเกสรดอกปืนนกไส้ 6. ตั๊กแตน / ภาพตั๊กแตน: สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์

จากนาสู่ป่าที่อยู่ร่วมกันได้

ทุ่งน้ำนูนีนอย แห่งนี้ เกิดขึ้นจาก ดร.อ้อย และครอบครัว ซื้อที่ดินที่เชียงดาวแห่งนี้ด้วยความตั้งใจที่จะรักษาท้องนาเอาไว้ไปพร้อมๆ กับการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ โดยทดลองระบบการผลิตให้อยู่ร่วมกับการฟื้นป่ากลับมาใหม่ ไม่ใช่ป่าต้องอยู่แต่ในอุทยานแห่งชาติเท่านั้น พื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่ในเมืองก็สามารถเข้าสู่กระบวนการ Rewild ได้ การทำพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นบ้านของพืชและสัตว์พื้นถิ่นจึงเกิดขึ้น เพราะสามารถเข้ากับการทำนาได้ดี

ทุ่งน้ำนูนีนอย
เส้นทางเดินชมทุ่งน้ำนูนีนอย และการคืนป่าสู่ระบบนิเวศ

นิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ

“บ้านต้องมีโครงสร้างใช่ไหมคะ ระบบนิเวศก็เช่นกัน สำหรับ Wetland (พื้นที่ชุ่มน้ำ) โครงสร้างก็คือชายน้ำที่มีความลึกต่างกัน ตั้งแต่ชายน้ำที่น้ำไม่ท่วม ส่วนที่น้ำท่วมบ่อย ไปจนถึงที่ลึกไปเลย ทั้งหมดคือโครงสร้างที่พืชและสัตว์อาศัยอยู่ มีพงต้นแขม มีบัวให้สัตว์ได้มาวางไข่” ดร.อ้อย นักนิเวศวิทยาผู้ก่อตั้ง ทุ่งน้ำนีนอย มานานกว่า 2 ปี อธิบายให้เราฟัง

ทุ่งน้ำนูนีนอย
มุมซ้ายล่างเป็นบ่อพักตะกอนแรกที่นำน้ำเข้ามาจากลำเหมือง ผ่านคลองมาถึงบ่อใหญ่ และต่อด้วยคลองคดเคี้ยวจนน้ำมีคุณภาพดีขึ้นตามลำดับ
บ่อพักตะกอน
สีน้ำในบ่อพักตะกอนบ่อแรก เดิมทีบ่อนี้จะแทบไม่มีไม้น้ำขึ้นเลย จนเมื่อมีการแบนพาราควอต ผักบุ้งจึงสามารถเติบโตได้
เปรียบเทียบน้ำจากก่อนการฟื้นฟูจนกลายเป็นน้ำใสที่ปลากัดอาศัยอยู่ได้ในร่องน้ำบริเวณแปลงกุหลาบ

แต่ก่อนที่จะเริ่มทำให้น้ำมีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัยที่ดีของสัตว์นั้น ต้องเริ่มมาจากคุณภาพน้ำที่ดีก่อน พื้นที่แห่งนี้จึงออกแบบใหม่เพื่อการบำบัดน้ำจากลำเหมืองสาธารณะที่อาจไม่ได้มีคุณภาพที่เหมาะสมนัก โดยวางบ่อไว้ตามจุดต่างๆ ดังนี้ เริ่มจากบ่อแรกเป็นบ่อพักตะกอนที่น้ำขุ่นๆ มาจะอยู่ในจุดนี้ก่อน สังเกตได้ว่าบ่อนี้จะไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์หรือมีไม้น้ำขึ้นเท่าไร จากนั้นเข้าสู่บ่อถัดมาพร้อมกับทางน้ำที่คดเคี้ยวเพื่อเติมอากาศให้น้ำ และไหลไปยังพื้นที่น้ำแฉะ ก่อนไหลรวมลงบ่ออีกครั้ง และเดินทางไปยังบ่อที่มีคุณภาพน้ำดีอย่างบ่อใหญ่ที่เป็นบ่อบัวด้านติดกับที่พักอาศัย และแปลงกุหลาบต่อมา

คูน้ำ
คูน้ำท้องร่องบริเวณนาข้าวมีพืชตามธรรมชาติขึ้นอยู่หลายชนิด รวมทั้งต้นนุ่นที่นำมาปลูก
แปลงนา
บางส่วนของแปลงนาที่ปราศจากสารเคมี เป็นแหล่งอาหารของทั้งสัตว์และพืชโดยรอบ
ไมยราบ
ต้นโสนที่ปลูกไว้เพื่อป้องกันการยึดครองพื้นที่ของพืชต่างถิ่นอย่างไมยราบยักษ์ในบริเวณนี้
พรรณไม้บางส่วนที่พบในทุ่งน้ำแห่งนี้1. ผักตบไทย 2. ลานไพลิน 3. คล้าไทย 4. บัวหลวง 5. พงแขม 6. ผักบุ้งไทย
แปลงกุหลาบ
พื้นที่แปลงกุหลาบซึ่งมีน้ำคุณภาพดีที่สุด และมีระบบนิเวศที่ดี ช่วยให้กุหลาบไม่ถูกศัตรูพืชกินหมด

สมดุล พึ่งพา เพื่อนและศัตรู

ในโซนแปลงกุหลาบตรงนี้เองถือเป็นแปลงการเกษตรที่มีความสมดุลและน่าสนใจ เนื่องจากกุหลาบมักเป็นที่ชื่นชอบของศัตรูพืชหลายชนิด แต่กุหลาบที่นี่ยังคงออกดอกงาม สามารถนำไปทำชากุหลาบได้โดยไม่ต้องกังวลกับสารเคมี ในแปลงนี้ยังพบแมงมุมอีกกว่า 50 สายพันธุ์ที่มาช่วยกินศัตรูพืช ดร.อ้อย อธิบายว่า “ชีวิตต่างๆ ช่วยกันกำกับวงจรนิเวศให้เรา ระบบนิเวศจะมีเพื่อนและศัตรู ถ้าเราขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ในระบบนิเวศ ชีวิตเราก็ง่ายขึ้น  

“นอกจากนี้น้ำรอบแปลงยังเป็นแหล่งอาศัยของปลากัดที่ชอบอยู่ในน้ำสะอาด และปลาอื่นๆ อีกหลายชนิด แสดงให้เห็นว่าคุณภาพน้ำในจุดนี้เมื่อได้รับการบำบัดตามธรรมชาติแล้วดีเพียงใด หรือบางคนอาจสงสัยว่าที่นี่ต้องมียุงเยอะแน่เลย แต่ก็ไม่ใช่ เพราะเรามีแมลงปอเยอะเช่นกัน แมลงปอตัวหนึ่งจะกินยุงถึงวันละร้อยตัว เลยไม่ได้มียุงเยอะอย่างที่บางคนเข้าใจ”

ส่วนหนึ่งของเหล่าแมงมุมที่ค่อยกินศัตรูพืชของกุหลาบ ทำให้แปลงกุหลาบงามโดยไม่ต้องใช้สารเคมี / ภาพ: สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
ดร.อ้อย (คนขวา) กำลังชี้ชวนดูระบบนิเวศใกล้แปลงกุหลาบกับคุณตี๋-ศุภวุฒิ บุญมหาธนากร (คนกลาง) สถาปนิกจากใจบ้านสตูดิโอ ซึ่งมาเป็นผู้ออกแบบสวนโชว์ในงานบ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2023  ในธีม “Techno – Local” วันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2566
เป็ดแดงใช้ชีวิตอย่างสบายใจที่ทุ่งน้ำนูนีนอย / ภาพ: วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

พฤติกรรมของสัตว์ที่เปลี่ยนไป

ดร.อ้อยยังขยายความต่อไปอีกว่า ตอนนี้ที่นี่มีนกหลายชนิดเข้ามาพักพิง โดยไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องมีนกหายากให้เห็น แต่ดีใจที่พฤติกรรมของนกที่มาเปลี่ยนไป จากเดิมนกกวักแถวนี้ที่พอมาก็จะกลัวคน มาตรงบ่อก็จะรีบวิ่งผ่าน พอนกรุ่นที่สองที่เกิดขึ้นและเรียนรู้ก็จะกลัวคนน้อยลง นกจะลงมาใช้ชีวิตสบายๆ ขึ้นในที่แห่งนี้ มีเป็ดแดงมาอยู่โดยไม่ต้องกลัวคนมายิง

ทั้งหมดนี้ถือเป็นต้นแบบที่ดีในการคืนความเป็นป่าให้กลับเข้ามามีส่วนร่วมกับคนอีกครั้ง และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของพืชพรรณไม้พื้นถิ่นที่ช่วยสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้แต่ละพื้นที่ ท่ามกลางวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังดำเนินอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในพื้นที่สวนโชว์ของงานบ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายนนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ออกแบบโดยสถาปนิกจาก ใจบ้านสตูดิโอ ซึ่งเคยทำงานร่วมกับดร.อ้อย ในทุ่งน้ำนูนีนอยแห่งนี้เช่นกัน

ทุ่งน้ำนูนีนอย
ทุ่งน้ำนูนีนอย

เรื่อง : สมัชชา วิราพร

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

การทำให้สวนในบ้านเป็นมิตรต่อโลกและเพื่อนต่างสายพันธุ์

Planting Palette of Rewilding Garden สวนสวยช่วยโลกได้ ด้วยพรรณไม้พื้นถิ่น

keyboard_arrow_up