“ช่วงกลางคืนถนนและบ้านแต่ละหลังในละแวกเมือง Sea Ranch จะมีการใช้แสงไฟแต่น้อย เพื่อไม่ให้แสงสว่างจากหลอดไฟรบกวนบ้านข้างเคียง”
การเดินทางมาเก็บภาพสวยๆที่บ้านหลังนี้ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างความประทับใจและน่าจดจำต่อทีมงาน “บ้านและสวน” เอามากๆ เพราะนอกจากได้สัมผัสกับธรรมชาติสวยงามระหว่างทางแล้ว ยังได้เดินทางมาที่เมือง Sea Ranch เมืองเล็กๆใน Sonoma Country ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เงียบสงบและยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักผ่อนของคนในเมืองที่ชอบธรรมชาติและความเงียบสงบ เราออกจากเมืองแซนแฟรนซิสโกแต่เช้าตรู่เดินทางไปตามเส้นทาง Highway 1 ซึ่งคดเคี้ยวไปตามขอบชายฝั่งขึ้นไปทางทิศเหนือ
ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงก็มาถึงที่นัดหมาย เป็นบ้านไม้หลังน้อยที่สร้างตั้งแต่ปี 1960 ได้รับอิทธิพลจากกลุ่ม MLTW กลุ่มสถาปนิกและนักออกแบบภูมิทัศน์จำนวน 4 คน ซึ่งร่วมกันออกแบบและสร้างเมือง Sea Ranch ใน ช่วงระหว่างปี 1945 – 1980 ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ เหมาะกับสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศของเมือง จนได้รับรางวัลยกย่องทางด้านสถาปัตยกรรม และกลายเป็นสไตล์ที่เรียกกันว่า “Sea Ranch Style”
Mr. Peter Jenny สถาปนิกและเจ้าของบ้าน ซื้อบ้านสวยหลังนี้ต่อจากครอบครัวหนึ่ง คุณปีเตอร์ตั้งใจคงสภาพแบบเดิมไว้เกือบทั้งหมด เปลี่ยนเพียงแผ่นกระเบื้องหลังคาที่ทรุดโทรมจากเดิมเป็นแผ่นกระเบื้องไม้ (Wood Shingle) เป็น หลังคายางมะตอย (Asphalt Shingle) ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ยังคงลักษณะของแผ่นบางๆ เบาและทนทานกว่า รวมถึงการแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้บ้านหลังเก่าดูมีชีวิตชีวาและเหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของเจ้าของ บ้าน
บ้านส่วนใหญ่ในเมือง Sea Ranch จะก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยไม่ทาสีไม้ แต่เน้นการเคลือบผิวหรือย้อมบางๆโชว์เนื้อไม้แทน เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบๆ และสัมผัสได้ถึงความสวยงามของไม้ เช่นเดียวกับบ้านหลังนี้ที่ผสมผสานความเรียบของรูปทรงโมเดิร์นเข้ากับแผ่น ไม้ธรรมชาติ ภายในบ้านแบ่งเป็นห้องเท่าที่จำเป็น
โดยมีห้องนอนเล็กๆ 2 ห้อง และครัวโปร่งกลางบ้าน นอกนั้นเป็นพื้นที่โปร่งแบ่งเป็นส่วนนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร สีส้มและดำซึ่งเป็นโทนสีหลักในตกแต่งดูเท่ทันสมัยกลมกลืนไปกับโทนสีของไม้ และพื้นบางส่วน เมื่อแสงธรรมชาติมาตกกระทบก็ช่วยเพิ่มสีสันและความรู้สึกอบอุ่นน่าพักผ่อน สะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ช่วงกลางคืนถนนและบ้านแต่ละหลังในละแวกเมือง Sea Ranch จะมีการใช้แสงไฟแต่น้อย เพื่อไม่ให้แสงสว่างจากหลอดไฟรบกวนบ้านข้างเคียง บ้านหลังนี้ก็มีการติดตั้งหลอดไฟเพียงไม่กี่จุด เลือกเฉพาะส่วนที่ใช้งานจริงๆ โดยใช้การเจาะช่องแสงสกายไลต์บนหลังคาเพื่อเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ และทำให้บ้านแต่ละหลังมีความเป็นส่วนตัวด้วย
บ้านหลังนี้อายุกว่าห้าสิบปีแล้ว แต่ยังคงความสวยงามไม่สร่าง เพราะได้อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับป่าสนรอบๆอย่างกลมกลืน มีการเลือกไม้ที่เติบโตได้ดีในบริเวณนี้มาใช้ในงานตกแต่ง รวมถึงการออกแบบตัวบ้านให้ทนต่อสภาพอากาศริมชายฝั่งได้เป็นอย่างดี อย่างการมีชายคาแคบกระชับไม่ยื่นยาว เพื่อป้องกันอันตรายจากลมทะเลแรงๆ ที่สำคัญคือการเห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติของเจ้าของ บ้านซึ่งยอมละทิ้งการใช้ชีวิตในเมืองมาอยู่ที่นี่ และความเอาใจใส่ของชุมชนที่ช่วยกันดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของป่าริมชายฝั่งนี้ ให้คงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
บ้านสไตล์นี้ถ้านับอายุกันจริงๆก็อาจไม่ได้เก่าแก่มาก แต่เมื่อเทียบกับอายุของประเทศสหรัฐอเมริกาคือสองร้อยกว่าปี
“Sea Ranch Style” จึงเป็นสถาปัตยกรรมที่สถาปนิกและผู้คนที่นั่นให้ความสำคัญและต้องการ อนุรักษ์เอาไว้อย่างดี จะต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงทุกครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาชุมชนเสียก่อน คนที่เลือกมาอยู่ในชุมชนนี้จึงต้องเป็นผู้เข้าใจและเห็นคุณค่าของ สถาปัตยกรรมโมเดิร์นยุคเริ่มแรก โดยไม่ต้องรอให้มีใครออกกฎหมายคุ้มครองหรือได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดก โลกเสียก่อน
จริงๆในกรุงเทพฯก็มีบ้านเก่าสวยๆอายุ 40-50 ปีที่น่าอนุรักษ์มากมาย หากแต่ด้วยความเก่าที่ไม่พอจะขึ้นทะเบียน ใหญ่ไม่พอที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ หรือทำเงินได้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ดิน บ้านเหล่านี้จึงมักถูกทุบทิ้งเพื่อสร้างคอนโดมิเนียมแทน
เรื่อง : รนภา นิตย์
ภาพ : ปิยะวุฒิ ศรีสกุล