บ้านโมเดิร์น หลังนี้มีส่วนผสม 3 อย่าง ได้แก่ พื้นที่อยู่อาศัย คอร์ตยาร์ดกลางบ้าน และอาร์ตแกลเลอรี่ในบ้าน ต่างทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ตั้งแต่เป็นบ้าน เป็นวิวให้ความรื่นรมย์ เป็นรั้ว เป็นส่วนบังสายตาจากเพื่อนบ้าน รวมทั้งเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้าน
เจ้าของ : คุณเสาวภา ทั้งไพศาล ชูตระกูล และคุณมุขพล ชูตระกูล
ออกแบบ : Research Studio Panin โดยรองศาสตราจารย์ ดร. ต้นข้าว ปาณินท์
โจทย์แรก คือ เพื่อนบ้านและที่ดินโดยรอบ
หลังจากหาที่ดินเพื่อจะสร้างบ้านหลังใหม่แทนคอนโด เจ้าของบ้านหลังนี้ได้เลือกที่ดินในซอยย่านพหลโยธิน ซึ่งเป็นย่านที่มีบ้านขนาดเล็กๆ ที่อยู่กันมานาน โดยมีลักษณะที่ดินล้อมรอบด้วยเพื่อนบ้านในระยะประชิด และมีส่วนที่ดินที่ยื่นออกมาใช้เป็นที่จอดรถได้พอดี
“อยากให้บ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ไม่อยากให้บ้านรอบๆ รู้สึกแปลกแยก แบบบ้านหลังนี้สร้างรั้วขึ้นมาสูงเลย 3 เมตร” รองศาสตราจารย์ ดร.ต้นข้าว ปาณินท์ สถาปนิกแห่ง Research Studio Panin ผู้ออกแบบ เล่าถึงการพูดคุยกับเจ้าของบ้าน ขณะที่คอร์ตยาร์ดคือแนวทางในการแก้ปัญหามุมมองในการใช้ชีวิตภายในบ้าน แต่จะทำอย่างไรให้ใช้พื้นที่ได้ตอบโจทย์ทุกความต้องการจริงๆ
บ้านอยู่อาศัย คอร์ต และอาร์ตแกลเลอรี่
เจ้าของบ้านสวยน่าอยู่หลังนี้ยังเป็นนักสะสมงานศิลปะ ต้องการให้งานศิลปะเป็นพระเอกและอยู่ในชีวิตประจำวันได้ด้วย โดยไม่ต้องเกร็งจนรู้สึกไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ผู้ออกแบบจึงศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดวางพื้นที่ โดยออกแบบให้มีคอร์ตยาร์ดกว้าง 5 เมตรตรงกลาง มีพื้นที่อยู่อาศัยกว้าง 5 เมตร และอีกด้านเป็นแกลเลอรี่กว้าง 2 เมตร ซึ่งเป็นขนาดแกลเลอรี่เล็กที่สุดเท่าที่พอจะทำได้
พื้นที่หลักทั้ง 3 ส่วนนี้จะทำงานร่วมกัน ยึดจากการใช้ชีวิตเป็นหลัก เจ้าของบ้านสามารถนั่งเล่น ทำอาหาร รับประทานอาหาร พร้อมชื่นชมงานศิลปะฝั่งตรงข้าม ผ่านร่มไม้และแสงแดดที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงของวัน ซึ่งการมีคอร์ตเปิดขนาดใหญ่นี้ยังช่วยให้อยู่สบาย อากาศไหลเวียนได้ดีและไม่ร้อน แปลนบ้านยาวขนานไปกับอาร์ตแกลเลอรี่ เริ่มจากโซนนั่งเล่น โซนรับประทานอาหาร และครัวอยู่ด้านในสุด ในรูปแบบโมเดิร์นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อแทนความทรงจำที่เคยอาศัยในคอนโดมาก่อน
คอร์ตเชื่อมทะลุถึงพื้นที่ส่วนต่างๆ ด้วยบานเลื่อนขนาดใหญ่ ลดระดับลงมาสองขั้นเพื่อช่วยในการระบายน้ำ โดยเลือกสีของวัสดุพื้นให้ดูกลมกลืน ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น รับกับหินกรวดสีเทา นอกจากนี้ภายในบ้านยังมีต้นไม้ใหญ่อีก 3 ต้นที่เลือกปลูกโดยพ่อ แม่ ลูก และแบ่งกันดูแลคนละต้น สังเกตได้ว่าโคนต้นจะมีการตกแต่งที่ต่างกันไปเล็กน้อยตามความชอบของเจ้าของต้นไม้
ห้องอาร์ตแกลเลอรี่เป็นส่วนกั้นมุมมองจากเพื่อนบ้านในด้านนี้ ทำหน้าที่เสมือนรั้วบ้านไปในตัว สร้างความเป็นส่วนตัวให้พื้นที่อยู่อาศัย โดยด้านบนไม่ได้ทำเป็นห้อง เพื่อให้ห้องนอนบนชั้น 2 ของบ้านดูโปร่งโล่ง แต่แก้ปัญหาเรื่องมุมมองของเพื่อนบ้านด้วยผนังอิฐสีเทาทำมุมเฉียงสลับกับตะแกรงเหล็กที่โปร่งกว่า โดยที่ผนังอิฐในด้านแคบมีการก่ออิฐแบบพิเศษที่เจ้าของบ้านศึกษาและคุยกับช่างด้วยตัวเอง
รั้วร่วมและมุมมอง
ความลงตัวที่น่าสนใจอีกอย่างของบ้านหลังนี้คือ การเปิดมุมมองให้รั้วร่วมของเพื่อนบ้านซึ่งสร้างมาก่อน ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านได้อย่างกลมกลืน อาจมีบางส่วนที่ดูเก่าบ้าง ไม่ได้เรียบร้อยตามปกติบ้าง แต่ก็ดูไม่ขัดเขิน เพราะโซฟาหนัง ตู้ไม้เรียบๆ ในบ้านก็ให้ความรู้สึกเข้ากันได้กับการก่ออิฐรั้วที่อาจดูเป็นด้านหลังของอีกบ้านได้ กลายเป็นบรรยากาศเก่าและใหม่ที่มีชีวิตชีวา โดยผ่านการออกแบบทั้งแสงและลมที่จะเข้ามา ช่องเปิดหน้าต่างที่ไม่ตรงกันพอดี บางส่วนที่มีช่องเปิดเยอะก็ออกแบบให้ทางฝั่งเราเป็นช่องปิดหรือมีอะไรกั้นสายตา
สุดท้ายแล้วบ้านหลังนี้ถือเป็นการอยู่ร่วมกันของทั้งภายในและภายนอกรั้ว หรือแม้จะอยู่ในชายคาแต่นอกชายคาก็เชื้อเชิญให้เราออกไปนั่งเล่นได้เสมอ รวมถึงงานศิลปะจากอาร์ตแกลเลอรี่ในบ้าน ที่เมื่อมองผ่านฉากด้านหน้าของใบไม้แล้ว ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้อย่างมีความสุข
เรื่อง: สมัชชา วิราพร
ภาพ: สิทธิศักดิ์ น้ำคำ
สไตล์: Suntreeya