lakehouse

บ้านสวนริมน้ำ ที่โอบล้อมด้วยแมกไม้สีเขียว

lakehouse
lakehouse

บ้านสวนริมน้ำ ฝันที่เป็นจริงของผู้ชื่นชอบการนั่งมองน้ำท่ามกลางแมกไม้เงียบสงบ บนผืนดิน 12 ไร่ที่ออกแบบบ้านให้กลมกลืนไปกับระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เลี้ยง และเป็นที่พักอาศัยของสัตว์ในธรรมชาติ

บ้านสวนริมน้ำ
ห้องนั่งเล่นหลักของบ้านกลางสว่างสไวด้วยแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านช่องเปิดบานเฟี้ยม ในวันที่อากาศดี ก็เปิดให้ลมพัดผ่าน สร้างบรรยากาศของการนั่งพักผ่อนที่รายล้อมด้วยหมู่แมกไม้

Design Directory : สถาปนิก : EKAR Architects

ด้วยวัตถุดิบตั้งต้นของบ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ที่สไตล์บ้าน แต่เป็นขนาด งบประมาณ และโจทย์การอยู่อาศัยผ่านเรื่องราวของครอบครัวที่ค่อยๆ เผยออกมาจากการพูดคุยพบปะกันแต่ละครั้ง ทำให้เจ้าของ บ้านตัดสินใจให้ คุณหนึ่ง – เอกภาพ ดวงแก้ว แห่ง EKAR Architects เป็นผู้ร้อยเรียงเข้าด้วยกัน และออกแบบชีวิตของทั้งครอบครัวไว้ใน บ้านสวนริมน้ำ หลังนี้

บ้าน สวน (ริม) น้ำ

โจทย์ใหญ่ของครอบครัวซึ่งประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่ อากง และลูกชายอีกสามคน กับการใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่ คือการมีพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนที่จะได้ใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเอง โดยที่ยังคงความอบอุ่นสนิทสนมเอาไว้เหมือนครั้งยังอยู่ร่วมกันในบ้านเดิม ผนวกเข้ากับฮวงจุ้ย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแกนหลักในการออกแบบ นำมาสู่ตำแหน่งหลักของบ้านที่หันหน้าออกสู่ผืนน้ำ ไล่เรียงขึ้นไปตามทรงของหลังคาบ้าน ซึ่งเปรียบเสมือนภูเขาที่อิงอยู่ด้านหลัง

บ้านสวนริมน้ำ
เมื่อมองจากศาลาพักคอยจะเห็นการเชื่อมต่อของผืนน้ำและอาคาร ตั้งแต่สะพานที่ลาดขึ้นมาจากผิวน้ำ สู่ชายคาหลากความสูงที่เอียงสับกันไปมาจนถึงยอดหลังคาคล้ายภูเขา

ที่มาของ บ้านสวนริมน้ำ นั้นเริ่มต้นจากคำเรียบๆ ของคุณพ่อ “ผมชอบนั่งมองน้ำ” เนื่องจากภายใต้เหตุผลต่างๆ ตลอดชีวิตการทำงานหลายปี สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจเสมอมา คือจิตวิญญาณของการได้อยู่กับสิ่งที่รัก ซึ่งสำคัญมากพอที่จะอุทิศผืนดิน 12 ไร่ และปรับแบบจากสระน้ำประดิษฐ์ขนาดพอเหมาะกับบ้าน มาสู่ผืนน้ำกว้างใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติที่เพียงได้นั่งมองก็เป็นสุข และเมื่อรวมเข้ากับความสุขของคุณแม่ ในการทำอาหารเพื่อดูแลคนในครอบครัวด้วยผักในสวนที่ปลูกเอง ความหลงใหลในปลาคาร์ปและการทดลองสูตรเครื่องดื่มใหม่ของลูกชาย บ้านหลังนี้จึงเต็มไปด้วยรายละเอียดมุมเล็กมุมน้อยในแบบที่เป็นตัวเอง และพื้นที่แห่งความอบอุ่นที่ยังคงกลิ่นอายการอยู่ร่วมกันสมัยอยู่ในบ้านเดิมได้เสมอ

สะพานไม้นำสายตาไปสู่สระน้ำที่ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ โดยทำจากวัสดุไม้เนื้อแข็ง  จึงไม่ร้อนจัดแม้โดนแดด เจ้าของบ้านเล่าว่าในฤดูที่มีน้ำมาก จะเห็นเต่าใช้สะพานนี้เดินขึ้นจากน้ำเพื่อไปสู่สวน

ศาลาใจบ้าน เชื่อมความอบอุ่นใน บ้านสวนริมน้ำ

กลิ่นอายของระเบียงในบ้านหลังเดิมที่ทุกคนมักนั่งคุยกันก่อนเข้าบ้าน สถาปนิกนำมาไว้ในส่วนศาลาเชื่อมระหว่างบ้านพ่อแม่กับลูกๆ ซึ่งประเด็นสำคัญของการเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันไม่ได้อยู่เพียงแค่การออกแบบศาลาที่น่าใช้งาน แต่คือการออกแบบฟังก์ชันในบ้านส่งเสริมให้คนอยากไปนั่งรวมกัน ที่ศาลามากกว่าอยู่แต่ในบ้านของตัวเองด้วย

การออกแบบ บ้านสวนริมน้ำ สถาปนิกจึงออกแบบบ้านส่วนตัวของลูกๆ ให้มีฟังก์ชันพื้นฐานเพียงพอกับการใช้งานหลัก ส่วนที่จะทำให้กลายเป็นบ้านที่สมบูรณ์พร้อม อย่างห้องนั่งเล่นรวมและครัวไทยจะมีอยู่แค่ที่บ้านหลักของคุณพ่อคุณแม่ ทำให้ในแต่ละวันถึงทุกคนจะมีงานล้นมือ ก็จะมีช่วงหนึ่งของวันสำหรับการนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหารร่วมกันในบ้านกลางเสมอ ด้วยการไปมาหาสู่ระหว่างบ้านผ่านศาลาที่สถาปนิกตั้งชื่อ ให้ว่า “ศาลาใจบ้าน”

ชานบ้าน เป็นส่วนเปลี่ยนผ่านที่ชวนให้ละทิ้งความวุ่นวายภายนอก ด้วยชายคาที่กดลงต่ำ และโครงสร้างโปร่งเบาของหลังคาใสที่กรองแสงออกเพียงบางส่วน ช่วยปรับสายตาโดยที่ยังคงการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ออกแบบบ้านให้สัมผัสธรรมชาติได้

จากความต้องการอยู่กับน้ำ สถาปนิกจึงออกแบบประสบการณ์ใน บ้านสวนริมน้ำ ให้มากกว่าการได้นั่งมองวิวจากระยะไกล โดยออกแบบสะพานไม้ลาดยาวลงเชื่อมลงสู่น้ำ เพื่อให้สัมผัสและอยู่ร่วมกับน้ำอย่างกลมกลืนไร้ขอบเขต ซึ่งนอกจากเป็นท่าสำหรับผูกเรือแล้ว ยังเป็นทางสัญจรของเป็ดที่มาเล่นน้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่มาอาศัยตามธรรมชาติ รวมถึงปลาน้ำตื้นซึ่งมักจะมาว่ายเวียนบริเวณทางลาดใต้น้ำ เมื่อยืนอยู่ที่ท่าน้ำนิ่งๆ ให้น้ำปริ่มเท้าสักพัก จะรู้สึกถึงได้แรงตอดจากเหล่าปลาเล็กปลาน้อย ชวนให้นึกถึง ช่วงเวลาเมื่อเที่ยวตามริมน้ำธรรมชาติสมัยเด็ก

บ้านสวนริมน้ำ
บ้านลูกชายคนโตผู้หลงใหลในการเลี้ยงปลาคาร์ป ออกแบบพื้นที่ส่วนใหญ่ให้ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งสามารถมองออกไปชมบ่อเลี้ยงปลาได้จากทุกมุม
บ่อปลาคาร์ฟลึก 2 เมตร หมุนเวียนน้ำด้วยระบบกรองขนาดเท่ากับบ่อเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยของปลา และเชื่อมต่อกับบ่อธรรมชาติได้อย่างแนบเนียนด้วยมิติของผืนน้ำแบบ Infinity Pond

            การสัมผัสน้ำขยายออกไปจนถึงน้ำฝนที่ไหลผ่านไปยังชายคา ซึ่งสถาปนิกออกแบบรางรับน้ำฝนขึ้นใหม่ เพื่อชะลอน้ำฝนเร็วแรงให้กลายเป็นหยดน้ำฝนละมุน ที่สามารถยื่นมือออกไปสัมผัสน้ำจากผืนฟ้าได้ในศาลากลางบ้านของเราเอง

บ้านสวนริมน้ำ
ออกแบบชายคาเป็นเหล็กเจาะรู เพื่อปรับขนาดมวลน้ำฝนให้กระจายออกเป็นม่านน้ำหยดเล็กๆ และชะลอความเร็วลงจนสามารถยื่นมือออกไปสัมผัสน้ำฝนได้โดยที่ไม่สาดกระเด็นจนเปียกปอน

ออกแบบระบบนิเวศที่เป็นมิตรกับสัตว์ทุกชนิด

แรกเริ่มของการก่อสร้าง ขอบเขตที่ดินของบ้านอยู่ติดกับแนวเขตน้ำของสวนหลวง ร.9 แต่วิวน้ำธรรมชาติที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของนั้นไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะคงอยู่เป็นน้ำตลอดไป อาจพัฒนาไปเป็นผืนดินหรืออาคารในวันใดวันหนึ่งก็ได้ อย่างที่เจ้าของเคยพูดไว้ว่า “อย่าไปคิดว่าน้ำจะเป็นน้ำไปตลอด สักวันหนึ่งน้ำนั้นอาจกลายเป็นดิน” จึงเป็นที่มาของการขยายที่ดินและขุดสระน้ำกว้างใหญ่ภายในบริเวณบ้าน

ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณรอบบ้านที่หลอมรวมเป็นนิเวศเดียวกับสวนหลวง ร.9 เป็นที่ชื่นชอบของ เหล่าสัตว์ที่ได้มาเยี่ยมเยือน รวมถึงซูโม่ น้องหมาประจำบ้านที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

            สระน้ำของบ้านที่ขุดใหม่ใช้ระบบกักเก็บน้ำอย่างบ่อธรรมชาติเพื่อเชื่อมโยงกับความอุดมสมบูรณ์ของสวนหลวง ร.9 ปูแผ่นกันซึมที่ก้นสระเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำและปลูกพืชน้ำ ทำระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Natural Pond  รวมถึงออกแบบงานภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อเอื้อให้เกิดนิเวศของสัตว์และแมลงที่ดูแลกันเอง ซึ่งในช่วงแรกที่ทำบ่อนั้นต้องอาศัยการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระบบนิเวศของทั้งสองสวนก็เชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันไปโดยปริยาย

บ้านสวนริมน้ำ
บ้านของลูกชายที่ชื่นชอบการทดลองสูตรอาหารต่างๆ ออกแบบด้วยวัสดุโทนเคร่งขรึม อย่างไม้สีเข้มที่นำมาเข้าคู่กับโครงสร้างเหล็กสีดำ และผิวกระเบื้องที่ทำความสะอาดง่าย

            การออกแบบบ้านเพื่ออยู่กับธรรมชาติอย่างบ้านหลังนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่างานออกแบบ สามารถสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ และเติมเต็มจิตวิญญาณด้วยการร้อยเรียงมนุษย์ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง โดยที่ยังคงคุณภาพชีวิตที่ดีเอาไว้ได้

ส่วนนั่งเล่นของบ้านกลางจัดผังแบบโอเพ่นแปลน เพื่อให้มองเห็นวิวสระน้ำได้จากทุกมุม และเชื่อมต่อ ออกไปยังสวนภายนอกด้วยช่องเปิดกว้างเต็มผืนผนัง
บ้านสวนริมน้ำ
โถงบันไดเหล็กโปร่งเบาขนาบข้างด้วยผนังอิฐมอญ เมื่อแสงรำไรในยามเช้าพาดลงมากระทบ ก็สร้างมิติ ของวัสดุที่เรียบง่ายและงดงามในเวลาเดียวกัน
ห้องนอนของลูกชายบนชั้น 2ปรับโทนให้เหมาะแก่การผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยการใช้ไม้ สีอบอุ่น และม่านสีขาวที่กั้นความเป็นส่วนตัวในขณะที่เปิดรับแสงบางส่วนให้สว่างนวลตา เมื่อเปิดออกมา ก็จะพบกับบรรยากาศสดชื่นของยอดไม้สีเขียว
ห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดและไม้สีอ่อน ขับความโดดเด่นให้เส้นสายสุขภัณฑ์ ซ่อนของใช้ กระจุกกระจิกให้ดูเรียบร้อยด้วยการทำตู้บิลท์อินหน้าบานกระจกเงายาวตลอดแนวผนัง
บ้านสวนริมน้ำ
ทางเดินข้างบ้านที่คดเคี้ยวไปตามสวนสีเขียว อิงแอบอยู่กับผนังอิฐที่เปิดช่องหน้าต่างรับวิวสวนสูงจรดชั้น 2
กระบะปลูกผักทำด้วยอิฐมอญ ออกแบบให้ดูเป็นหนึ่งเดียวกับตัวบ้าน และแซมด้วยระแนงไม้เลื้อย ไหลกลืนไปกับสวน เป็นมุมวัตถุดิบทำอาหารของคุณแม่

ออกแบบสถาปัตยกรรม :  EKAR Architects โดยคุณเอกภาพ ดวงแก้ว

ตกแต่งภายใน : DoubleVSpace Interior Studio

ภูมิสถาปัตยกรรม : TK studio


เรื่อง : ณัฐวรา

ภาพ : อภินัยน์ ทรรศโนภาส, ธนายุต วิลาทัน และกรานต์ชนก บุญบำรุง

สไตล์ : Suanpuk

สถานที่ : กรุงเทพมหานคร


ความเรียบง่ายพื้นถิ่นที่บรรจบกับวิถีธรรมชาติ

บ้านล้อมสวน ในบรรยากาศสงบและสบาย

บ้านโมเดิร์นทรงกล่อง กับวิวขุนเขาแสนผ่อนคลาย

ติดตามบ้านและสวน