ตลอดหลายทศวรรษเราได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาตราเพชรในภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่ง จนกระทั่งวันนี้สินค้าจากตราเพชรได้ขยายไปยัง โซลูชันเรื่องบ้าน ที่ครอบคลุมทั้งภายนอกและภายใน
ซึ่งในโอกาสครบรอบ 39 ปีของตราเพชรครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่ ดร.พีช – พิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ – ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) แวะมาเยี่ยมห้องรับแขกของบ้านและสวน เพื่อร่วมพูดคุยและแชร์ประสบการณ์การเดินทางของแบรนด์ที่หากเปรียบเป็นคน ก็อยู่ในช่วงวัยหนุ่มใหญ่ที่ผ่านความเปลี่ยนแปลงและสิ่งต่าง ๆ มามากมาย พร้อมทั้งเผยแนวคิดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชันเรื่องบ้าน ที่จะพาตราเพชรไปไกลกว่าผู้ผลิตกระเบื้องหลังคา
กระจายความเสี่ยงเพิ่มช่องทางการขาย
คุณพีชเริ่มพาเราย้อนเวลากลับไปยังหมุดหมายสำคัญ ในปี 2528 ช่วงที่ดำเนินกิจการในชื่อบริษัท นครหลวงกระเบื้องและท่อ จำกัด ที่มี บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือปูนตรานกอินทรี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ต่อมามีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรและแยกตัวออกมาดำเนินธุรกิจในชื่อ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ในเวลาต่อมา
“ตอนนี้ตราเพชรเรามีช่องทางการขายอยู่ 4 ช่องทาง คือ 1) Agent จำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย คือร้านค้าที่เรามักจะเห็นกันในอดีตเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างที่มีทั้งเหล็ก ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง ซึ่งตราเพชรเราเติบโตมาจากช่องทางเหล่านั้น 2) Project จำหน่ายผ่านผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3) Modern Trade จำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ที่เราเพิ่งจะโฟกัสอย่างจริงจังได้ไม่นานนี้อย่างไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ และ เมกาโฮม และ 4) Export จำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศ แต่อาจจะยังมีสัดส่วนที่ไม่สูงนัก เพราะวัสดุก่อสร้างเป็นสินค้าหนักที่บริหารโลจิสติกส์ได้ค่อนข้างยาก มีต้นทุนสูง ด้วยช่องทางที่ค่อนข้างหลากหลาย ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ความหลากหลายนี้เองได้ช่วยประคับประคองตราเพชรให้ผ่านวิกฤติครั้งนั้นมาได้ คุณพีชแชร์ให้ฟังว่า เมื่อเกิดการล็อคดาวน์ทำให้ช่องทางการขายหายไปหนึ่งช่องทาง
“ตอนนั้นสถานการณ์ของตราเพชรค่อนข้างหนัก ช่องทาง Modern Trade ต้องปิดหมดเหมือนห้างสรรพสินค้า ลูกค้าผู้รับเหมาที่เคยเลือกสินค้าเราในช่องทางนี้ก็หายไปเลย แต่จุดแข็งของเราคือการกระจายช่องทางจัดจําหน่ายเอาไว้หลายช่องทาง ปรากฏว่าธุรกิจก่อสร้างยังไปได้ลูกค้ากลุ่มผู้รับเหมาที่เคยซื้อสินค้าผ่าน Modern Trade เริ่มมองหาร้านค้าตัวแทนจำหน่ายตราเพชรว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ทำให้ตัวแทนจำหน่ายเราขายสินค้าได้ดีมาก ถึงขนาดว่าผู้รับเหมามายืนต่อแถวหน้าร้านตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน ซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน ก็ถือเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญของตราเพชรครั้งหนึ่ง”
ไม่ใช่แค่กระเบื้องหลังคา แต่ ‘สวยครบเซ็ต ตราเพชรทั้งหลัง’
เมื่อปี 2554 เป็นจุดที่บริษัทฯ ตั้งใจจะขยายกลุ่มสินค้าให้มากขึ้นกว่ากระเบื้องหลังคา จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งสำคัญในชื่อ ผลิตภัณฑ์ตราเพชร และถือเป็นการกำหนดจุดยืนทางธุรกิจที่ยาวนานมาถึงวันนี้
“เพราะว่าเรารู้ตัวแล้วว่าเราจะไม่จบอยู่ที่หลังคาแน่ ๆ ทำให้หลังจากนั้นเราก็เริ่มมีกลุ่มบอร์ด จากบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์สำหรับงานผนังด้านใน มีไม้ฝา มีไม้พื้น มีอิฐมวลเบา มีเคาน์เตอร์มวลเบา จนตอนนี้สินค้าเราหลากหลายมาก ครอบคลุมงานหลังคาทั้งโครงสร้าง และงานผนังภายนอกและภายใน
“ตอนนี้เราแบ่งสินค้าหลัก ๆ ออกเป็น 1) กลุ่มหลังคา (Roof) ที่มีตั้งแต่กระเบื้อง โครงหลังคาสำเร็จรูป (โครง Truss) พร้อมบริการติดตั้ง รวมถึงบริการ Re-Roof คือเปลี่ยนหลังคาหลังการใช้งานมานานแล้ว และบริการ Repaint สำหรับบ้านที่สีหลังคาเริ่มซีดจางอยากจะทาสีใหม่ ให้มีความทันสมัยเราก็มี ทั้งหมดนี้เราเรียกว่า Diamond Roof Solutions
“ต่อมาคือ 2) กลุ่มผนัง (Wall) ซึ่งรวมอิฐมวลเบา ไม้ฝา ไม้สังเคราะห์ ไม้ตกแต่ง และบอร์ดตกแต่ง ที่อยู่ในแนวตั้งทั้งหมด รวมถึง SPC Solutions ที่เราเริ่มจากการทําบันได เนื่องจากเดิมไม้บันไดส่วนใหญ่เป็นยางพาราประสาน เวลาติดตั้งต้องทาสีเก็บงาน ทีนี้พอเจอความชื้นก็อาจเกิดเชื้อรา จึงมีวัสดุทดแทนออกมามากมาย เช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์หุ้มลามิเนต หรือเคลือบด้วยดิจิทัลพริ้นติ้ง แต่พอใช้ไปนาน ๆ สีจะซีดจาง เราจึงคิดว่าสินค้าตราเพชรควรมีตัวเลือกอื่น จึงเลือกไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีความแข็งแรง แล้วใช้ SPC (Stone Plastic Composite) ซึ่งเป็นวัสดุผสมที่ทนน้ํา สีไม่ซีดจาง เพราะมีชั้นฟิล์มหลายเลเยอร์ ทนทาน มานำเสนอให้คนได้รู้จักมากขึ้น จากนั้นพอมีบันไดแล้ว ก็ควรมีสีพื้นที่แมตช์กับบันไดด้วย เราจึงขยายมาทำพื้นและผนัง SPC ตามมา พร้อมบริการติดตั้งให้ครบวงจร”
นอกจากสินค้าสองกลุ่มดังกล่าว คุณพีชยังเล่าถึงการนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่อย่าง Modular House ที่ตราเพชรได้นำวัสดุชนิดต่าง ๆ ของแบรนด์มาประกอบขึ้นผสมผสานกับไอเดียและความต้องการจากลูกค้า และยังเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนอีกด้วย
“ตราเพชรเราได้รางวัล ESG100 (บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ที่ดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) มาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ซึ่ง Modular House ที่ว่านี้ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืนคือ ประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา ไม่มีเศษที่หน้างาน ทุกอย่างเราประกอบจากโรงงาน สามารถใช้พื้นที่ที่มีมาเป็นร้านค้าหรือคาเฟ่เล็ก ๆ เป็นออฟฟิศเล็ก ๆ หรือที่พักอาศัยพักผ่อนนั่งดูทีวีแยกออกมาจากบ้าน โดยมีแอปพลิเคชันช่วยระบุความต้องการ หน้าต่างอยู่ตรงไหน หลังคาสีอะไร งบประมาณเท่าไร ถามว่าทําไมเรามาถึง Modular House เพราะทุกอย่างเราผลิตเองอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้เรามีไดมอนด์คาเฟ่เพื่อตอบโจทย์ SME ที่ทำธุรกิจเครื่องดื่มและร้านอาหารที่ต้องการโครงสร้างอาคารเล็ก ๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ D’Oro และชาวดอยด้วย แล้วต่อมาก็มีลูกค้าอยากใช้เป็นออฟฟิศ รีสอร์ท ห้องน้ํานอกอาคาร ซึ่งเราทํามาหลายอย่างมาก เลยคิดว่าต้องเดินหน้าอย่างจริงจัง”
คุณพีชเสริมมุมมองเรื่อง ESG เพิ่มในฐานะผู้ผลิต ที่มองชุมชนรอบโรงงานเป็นเพื่อนบ้าน ที่อยากให้สุขภาวะที่ดีเกิดขึ้นแบบองค์รวม ทั้งผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
“เราคิดตั้งแต่ต้นทางไม่ว่าจะเรื่องฝุ่น เรื่องคาร์บอน การผลิตที่ไม่เหลือเศษ ไม่สร้างภาระเพิ่ม เราคิดเบ็ดเสร็จว่าทําไมเราถึงต้อง cut to size จากโรงงาน เพื่อจะไม่มีเศษทิ้งที่หน้างาน หรือเหลือให้น้อยที่สุด ทุกวันนี้เรามีหลายด้านมากขึ้นนอกเหนือจาก ESG เรายังคิดถึง Green Technology โดยใช้ Robot และ Automation มาแทนคนในงานที่มีความเสี่ยง และภาพใหญ่เราต้องตอบโจทย์ Global Warming เรามีสินค้าอย่างอิฐมวลเบา ที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ที่ช่วยทําให้บ้านเย็นขึ้น เพื่อให้ค่าไฟลดลงและหากใช้พลังงานน้อยลงได้ การผลิตไฟฟ้าที่ส่งผลถึงโลกร้อน ก็น้อยลงด้วย”
จากผู้ผลิตสู่ผู้ให้บริการ เพื่อบ้านของทุกคน
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ แบรนด์ตราเพชร คือการเติบโตจากผู้ผลิตขยายขอบเขตไปสู่งานบริการที่แบรนด์นำจุดแข็งเรื่องความสามารถ (Capability) และเรื่องความเชื่อถือได้ (Reliability) ขององค์กรมาใช้ได้อย่างตรงจุด
“เราทำให้ลูกค้าสบายใจไม่ต้องลุ้นกับผู้รับเหมาที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ต้องกลัวงบบานปลาย การทิ้งงาน หรือไม่รับประกัน แต่ตราเพชรทําให้ได้หมด เรานำศักยภาพทั้งหมดมาประกอบรวมกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ จากเดิมเราคือผู้ผลิตและใช้ช่องทางการขายของปูนนกอินทรีย์ มาถึงตอนนี้เรามีฝ่ายขายและการตลาดของตัวเอง มีบทบาทเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจําหน่าย ผู้ส่งออก และเป็นผู้ให้บริการติดตั้งด้วย ซึ่งบริการทุกรูปแบบของตราเพชร ลูกค้าจะมั่นใจได้ทั้งสินค้าคุณภาพ งานติดตั้งที่ได้มาตรฐาน และมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการทิ้งงาน ไม่มีการเบิกเงินแล้วหนีหายไป เราตรวจสอบงานอย่างละเอียดเสมอ เพื่อความสบายใจของเจ้าของบ้านทุกหลัง”
ท่ามกลางการเติบโตทางธุรกิจและขยับบทบาทมาเป็นผู้ให้บริการติดตั้ง ต้องประสานความร่วมมือกับหลายพาร์ทเนอร์ ซึ่งต้องผ่านการคัดสรรพาร์ทเนอร์ที่มีปรัชญาเดียวกันมาให้บริการ มีการสัมมนา เทรนนิ่ง และเวิร์คชอปร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทํางานอย่างรับผิดชอบ
“ทุกไซต์งาน ตราเพชรจะทำหน้าที่คอยตรวจสอบคุณภาพ ว่างานทุกงานที่เสร็จสิ้นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เรามีระบบที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เรียกว่า IMS (Installation Management System) เพื่อควบคุมคุณภาพงานของผู้รับเหมาให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากมีประเด็นเกิดขึ้น เขาต้องช่วยเรารับผิดชอบงาน เพื่อให้เจ้าของบ้านได้รับความพึงพอใจ ได้รับบริการที่ดี เชื่อถือได้ และรู้สึกว่าเราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา ณ วันนี้เราอยู่มา 39 ปีแล้ว และจะยังอยู่ต่อไปอีกยาวนาน เพราะฉะนั้นเราเสียชื่อเสียงไม่ได้”
อนาคตเพื่อสร้างสรรค์และเสาะหา โซลูชันเรื่องบ้าน ของทุกคน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตราเพชรตั้งหน่วยงานพัฒนาธุรกิจ (Business Development) เพื่อทำหน้าที่คิดค้นและเสาะหาสินค้าใหม่มาตอบโจทย์ลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสินค้าใหม่นั้นจะไม่ได้มีที่มาจากการผลิตเองเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการมองหาสินค้าที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศแบบทรอปิคัลของเมืองไทยเข้ามาด้วย
“เรามองหาสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดกับสภาวะในปัจจุบัน ถ้ามีสินค้ากลุ่มเหล่านี้ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ ถ้าเราทราบเราจะนำเข้ามา แต่ไม่ใช่ขายเลยทันที แต่จะมีการทดสอบจนแน่ใจว่าคุณภาพดีและที่สำคัญเหมาะกับเมืองไทย
“สินค้าตัวหนึ่งที่นำเข้ามาคือกระเบื้องหลังคาเหล็กเคลือบหินภูเขาไฟ Decra จากนิวซีแลนด์ ที่เรารู้สึกว่าเหมาะสม เป็นหลังคาที่ดูคล้ายหลังคาชิงเกิ้ล (Shingle Roof) ที่เห็นในเมืองหนาว แต่ปกติจะเป็นวัสดุยางมะตอยซึ่งน่าจะไม่เหมาะกับเมืองร้อนชื้นเท่าไรนัก ซึ่งเจ้าของกิจการก็มีความต้องการใช้งาน พอเราไปเจอหลังคาเหล็กเคลือบหินภูเขาไฟจากนิวซีแลนด์ตัวนี้ เราจึงลองเทสต์และเห็นว่าดีเราถึงจำหน่าย เลยตอบโจทย์ว่านอกจากผู้ผลิตและพัฒนาสินค้าใหม่แล้ว ตราเพชรจะไปสรรหาสินค้าคุณภาพที่ดีบนโลก ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะเกิดจากที่ไหน”
ในวันนี้ตราเพชรจึงเป็นตัวอย่างของแบรนด์ที่เดินทางด้วยวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจ ทั้งในแง่มุมเรื่องการกระจายความเสี่ยงเกี่ยวกับกลุ่มสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดจนมุมมองของการปรับตัวตลอดเวลาและเปิดรับทุกความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อการพัฒนา ท่ามกลางโจทย์ที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ
“คอนเซ็ปต์ของน้องเพชรซึ่งเป็นมาสคอตของเราคือ สดใส มั่นใจ จริงใจ ก็แสดงถึงความพร้อมรับฟังความคิดเห็น พร้อมปรับปรุง ความคิดเห็นที่ได้เราจะนำไปปรับปรุงสินค้าและบริการของเราเสมอ นอกจากหาลูกค้าใหม่ ลูกค้าเก่าเราต้องเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ที่จะทํางานกันไปยาว ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องสื่อสารกับลูกค้าอยู่ตลอด”
ช่วงหน้าฝนนี้ บ้านและสวนชวนสำรวจหลังคาบ้าน เตรียมความพร้อมรับมือหน้าฝนไปด้วยกัน
ตรวจ-ซ่อมหลังคารับหน้าฝน กับคอลัมน์ช่างประจำบ้าน