กาวร้อน กาวช้าง ต่างกันอย่างไร

กาวร้อน กาวช้าง บ้างก็เรียกกาวตราช้าง เพราะภาพจำติดตาที่บรรจุภัณฑ์มีรูปช้างเป็นสัญลัษณ์สื่อถึงพลังการยึดติด ชื่อกาวที่ได้กล่าวมานี้ มีสารตั้งต้นตัวเดียวกัน คือ ไซยาโนอะคริเลต แต่ด้วยการผลิตจึงทำให้มีลักษณะกายภาพต่างกัน

ความแตกต่าง ของ กาวร้อน กาวช้าง

  • กาวร้อน เนื้อเหลวแบบน้ำ ใช้ในลักษณะงานแห้ง ติดเร็ว แห้งเร็ว ไม่ต้องประคองชิ้นงานไว้นาน หากติดพลาดแก้ไขได้ยาก กาวร้อนมักบรรจุในขวดขนาดใหญ่กว่า น้ำหนัก 10-20 กรัม (ในท้องตลาดมีกาวร้อนที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปช้าง)
  • กาวช้าง เนื้อเจล มีความหนืดมากกว่ากาวร้อน เเห้งช้ากว่า หากติดพลาดยังมีเวลาขยับชิ้นงานได้บ้าง กาวช้างมักบรรจุในหลอดอลูมิเนียมขนาด 2-5 กรัม

สารตั้งต้น

สารตั้งต้นหลักของกาวช้างและกาวร้อนคือ ไซยาโนอะคริเลต (Cyanoacrylate) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถเกิดการยึดติดอย่างรวดเร็วเมื่อมีความชื้น (moisture) อยู่ในอากาศกาวนี้เป็นโมโนเมอร์ที่สามารถทำปฏิกิริยาโพลิเมอไรเซชันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กาวยึดติดได้ภายในไม่กี่วินาที

กาวร้อน กาวช้าง

คุณสมบัติกาวไซยาโนอะคริเลต

  • ยึดติดรวดเร็วมาก (ในเวลาไม่กี่วินาที) เมื่อสัมผัสกับความชื้นในอากาศแข็งแรงมากเมื่อแห้งและแข็งตัว แต่ไม่ยืดหยุ่น
  • เหมาะสำหรับการยึดติดวัสดุที่ต้องการความแข็งแรงสูงและไม่ต้องการการเคลื่อนย้ายหรือการปรับตำแหน่งหลังจากยึดติด

ประเภทของกาวไซยาโนอะคริเลต

  1. กาวสูตรทั่วไป (General Purpose Cyanoacrylate)
    • เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การซ่อมแซมของใช้ในบ้าน, เครื่องประดับ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    • ยึดติดได้กับวัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก, โลหะ, ยาง, ไม้, และเซรามิก
  2. กาวสูตรเจล (Gel Cyanoacrylate)
    • มีความหนืดสูงกว่า ไม่ไหลเยิ้ม
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในแนวตั้งหรือในพื้นที่ที่ยากต่อการควบคุมการไหลของกาว
    • ใช้ในการยึดติดวัสดุที่มีพื้นผิวขรุขระหรือไม่เรียบ
  3. กาวสูตรทนความร้อน (High Temperature Cyanoacrylate)
    • ออกแบบมาให้ทนต่ออุณหภูมิสูง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาวะที่มีความร้อนสูง เช่น การซ่อมแซมชิ้นส่วนในเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์ที่สัมผัสกับความร้อน
  4. กาวสูตรทนความชื้น (Water-Resistant Cyanoacrylate)
    • มีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้นและน้ำ
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับน้ำ
  5. กาวสูตรสำหรับยางและพลาสติก (Rubber & Plastic Cyanoacrylate)
    • ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการยึดติดวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง เช่น ยางและพลาสติกที่มีความเหนียว
    • ให้การยึดติดที่แข็งแรงและยืดหยุ่น
  6. กาวสูตรแห้งช้า (Slow-Setting Cyanoacrylate)
    • มีระยะเวลาการแห้งที่นานขึ้น ทำให้มีเวลามากขึ้นในการจัดตำแหน่งและปรับแต่งชิ้นส่วน
    • เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูง
  7. กาวสูตรสำหรับงานอุตสาหกรรม (Industrial Grade Cyanoacrylate)
    • มีความแข็งแรงและทนทานสูง
    • ออกแบบมาเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการการยึดติดที่ทนทานและแข็งแรง เช่น การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การประกอบเครื่องจักร

การเลือกใช้

การเลือกใช้กาวชนิดใด ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่ต้องการใช้งาน และวัสดุที่ต้องการยึดติด เช่น หากต้องการซ่อมแซมของใช้ในบ้านทั่วไป สามารถใช้กาวสูตรทั่วไปได้ แต่ถ้าต้องการยึดติดวัสดุในแนวตั้งหรือวัสดุที่มีพื้นผิวขรุขระ ควรเลือกใช้กาวสูตรเจล การเลือกกาวที่เหมาะสมจะช่วยให้การยึดติดมีประสิทธิภาพสูงสุดและใช้งานได้ยาวนาน

เรื่อง : Pakaho

ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน

ภาพประกอบ : Pakaho


กาวร้อนเลอะติดมือ ทำอย่างไรให้หลุดออกได้ง่าย?

 ตรวจสอบโครงสร้างบ้านผ่านรอยร้าว

ติดตามบ้านและสวน facebook.com/baanlaesuanmag