การทำ โรงเรือนในบ้าน ที่มีสมาชิกเป็นต้นไม้หายากกว่าพันต้น ต้องทำอย่างไรให้บ้านยังแข็งแรงและต้นไม้เติบโตดี มาถอดไอเดียจากบ้านของนักสะสมไม้ใบกัน
ไอเดียการทำ โรงเรือนในบ้าน เริ่มต้นขึ้นจากไลฟ์สไตล์ของคุณโฮม นักสะสมพรรณไม้ที่อยู่กับต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก “ตั้งแต่ไหนแต่ไร ชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในสวน ก็เลยเกิดไอเดียทำบ้านกับสวนให้อยู่ร่วมกัน จะได้ทำสวนอย่างมีความสุขในบ้านของเราเอง”
ภาพแรกที่พบเมื่อเข้ามาภายในรั้วบ้านของ คุณโฮม – สรรพสิริ เชาวน์วาณิชย์ คือดงไม้เขตร้อนที่แผ่ล้อมพื้นที่ในรั้วเกือบทั้งหมด มีเพียงบ้านที่โผล่มาให้เห็นนิดๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณพืชพรรณที่อยู่รายรอบแล้ว บ้านก็ดูเล็กจิ๋วลงไปถนัดตา
ความหลงใหลในไม้แปลก (Exotic Plants) เริ่มตั้งแต่คุณโฮมจำความได้ เนื่องจากที่คุณพ่อคุณแม่เป็นนักสะสมต้นไม้ จนเรียกได้ว่าเกิดมาก็เจอต้นไม้เลย ชีวิตของคุณโฮมจึงห้อมล้อมด้วยพืชหลากชนิดอยู่เสมอ โดยช่วงเวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็ก เมื่อ 50 ปีก่อน มักจะง่วนอยู่กับการเลี้ยงปลา ดูแลต้นไม้ และขยายพันธุ์ไม้ในบ้านอยู่เป็นประจำ เมื่อโตขึ้นมาก็ขยายขอบเขตเป็นไม้แปลกหายาก โดยศึกษาเองตามหนังสืออ้างอิง หนังสือต้นไม้ต่างถิ่น และนิตยสารต่างประเทศ จากนั้นจึงออกเดินทางตามหาพันธุ์ไม้จากรอบโลก มาขยายพันธุ์เพื่อสะสมและจำหน่ายให้กับเหล่าผู้เลี้ยงไม้แปลก ทำให้บทบาทของคุณโฮมในปัจจุบันนั้นเป็นทั้งผู้คลั่งไคล้ และผู้จำหน่าย Exotic Plants ชื่อดังแห่งสวน Live with Plants รวมถึงเป็นนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย เป็นหัวเรือในการจัดกิจกรรมต่างๆ ดึงดูดให้เหล่า Plant Hunter จากทั่วทุกมุมโลกต่างมาเยี่ยมเยือนเพื่อตามหาพันธุ์ไม้หายาก
โรงเรือนในบ้าน = ทำบ้านให้ต้นไม้อยู่
บ้านหลังนี้มีส่วนประกอบหลักที่ใหญ่ที่สุดคือพื้นที่ปลูกต้นไม้ เป็นโรงเรือนหลายหลัง ทั้งโรงเรือนในบ้าน และนอกบ้านแทรกสลับกันไป ซึ่งเมื่อเทียบสัดส่วนแล้ว พื้นที่สวนนั้นมีอยู่ถึง 85% ของที่ดินทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 15% คือส่วนพักอาศัย “เราให้สวนเป็นหลัก แล้วเราก็เหมือนคนสวน ที่คอยดูแลต้นไม้ และอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ”
โรงเรือนแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ ตามนิสัยของต้นไม้ ได้แก่โซนหน้าบ้านรวมพันธุ์ไม้ที่ทนแดดฝนธรรมชาติได้ดี โซนเรือนกระจกสำหรับกลุ่มต้นไม้ที่ไม่ค่อยชอบฝนมากนัก และโรงเรือนสำหรับกล้าไม้ที่พึ่งขยายพันธุ์ ทำเป็นโรงเรือนระบบปิดและควบคุมสภาพอากาศภายในเพื่อให้เหมาะแก่การฟื้นตัวของต้นไม้
ส่วนภายในบ้านที่เปรียบเสมือนเหมือนห้องของผู้ดูแลสวน มีฟังก์ชันหลักเท่าที่จำเป็น ได้แก่ ส่วนห้องรับแขก ส่วนรับประทานอาหาร ห้องนอน และส่วนบริการอื่นๆ แต่ละส่วนเชื่อมถึงกันด้วยสวนระหว่างอาคารคลุมด้วยหลังคาโปร่งแสง เมื่อใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องหรือเดินไปตามจุดต่างๆ ก็จะมองเห็นต้นไม้ได้ ทำให้ทุกช่วงเวลาของการอยู่บ้านนั้นมีต้นไม้อยู่ร่วมด้วยตลอด สอดคล้องชื่อสวนที่คุณโฮมตั้งไว้ว่า Live with Plants
พื้นที่ของคน ต้นไม้ก็อยู่ได้
ไม่ใช่เพียงต้นไม้นอกบ้านที่ดูสมบูรณ์ พืชพรรณต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ภายในบ้านก็ยังดูสุขภาพดี ออกดอกงามสะพรั่งไม่ต่างกับอยู่ท่ามกลางแดดฝนธรรมชาติ เมื่อถามถึงเคล็ดลับการเลี้ยงต้นไม้ คุณโฮมตอบว่าไม่มีอะไรล้ำลึก
“ข้อหนึ่งคือรู้จักบ้าน บ้านเราแสงพอหรือเปล่า” ต้นไม้คือสิ่งมีชีวิตที่ต้องการแสงในการสร้างอาหาร การนำต้นไม้เข้ามาเลี้ยงในบ้านซึ่งมีความเข้มแสงน้อยกว่า ย่อมทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงักเป็นธรรมดา ดังนั้น หากต้องการเลี้ยงต้นไม้ในบ้านให้เติบโตได้ดี แสงสว่างควรเทียบเท่ากับในธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำได้โดยออกแบบให้ภายในห้องมีแสงส่องทั่วถึง และวางต้นไม้ใกล้บริเวณช่องเปิดเพื่อให้รับแสงได้อย่างเต็มที่ หรือหากมีช่องแสงน้อย ก็ติดตั้งโคมไฟเพิ่มแสงสว่างภายในห้องให้เพียงพอ
“ข้อสองคือรู้จักต้นไม้ และเลือกต้นไม้ให้ถูกชนิด” พรรณไม้แปลกที่คุณโฮมเลือกสะสม ส่วนใหญ่เป็นไม้เขตร้อนตามแนวเส้นศูนย์สูตร ซึ่งสภาพแวดล้อมเดิมที่ต้นไม้เติบโตมานั้นไม่ต่างจากเมืองไทยมากนักจึงทำให้ปรับตัวได้ แต่ถึงแม้จะเป็นไม้เขตร้อนเหมือนกัน แต่ละชนิดก็ยังต้องการปริมาณแสงที่แตกต่างกันไป ซึ่งควรศึกษาให้ดีก่อนเลือกมาปลูก “เดี๋ยวนี้มีข้อมูลต้นไม้เยอะมาก แค่เซิร์ช Google ก็พบแล้วว่าต้นไม้แต่ละชนิดต้องการแสงสว่างเท่าไร ถ้ามีความสว่างมากพอ แม้อยู่ในห้องก็สามารถโตได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำไปรับแดดข้างนอก” ซึ่งกลุ่มที่สามารถเลี้ยงในบ้านได้เป็นจำพวกที่ชอบแสงน้อย เติบโตใต้ร่มเงาไปจนถึงแสงรำไร ส่วนต้นไม้ที่ชอบแดดจัดนั้นเพียงแสงสว่างในอาคารอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการเติบโต สามารถนำมาตั้งได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
จากหลักการสองข้อนี้ เมื่อบวกกับประสบการณ์ก็สามารถหลอมรวมฟังก์ชันการอยู่อาศัยของคนกับต้นไม้เอาไว้ได้อย่างกลมกลืน อย่างบริเวณคอร์ตสระว่ายน้ำกลางบ้าน ออกแบบให้เป็นโรงเรือนในตัวที่มีความสูงเทียบเท่าอาคาร 3 ชั้น ภายในจัดเป็นสวนลอยฟ้าพาดหนือสระว่ายน้ำ ที่มองเห็นเป็นวิวสีเขียวได้ตลอดความสูงอาคาร ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 3 แต่ละชั้นเลือกปลูกไม้ที่ชื่นชอบแสงในปริมาณแตกต่างกันไป โดยชั้นหนึ่งจัดให้เป็นที่อยู่ของต้นไม้ที่ชื่นชอบแสงรำไร เพื่อให้แสงที่ส่องลงมาถูกพรางให้บางลงด้วยเงาของต้นไม้ชั้นที่อยู่เหนือกว่า ส่วนชั้นสองทำเป็น Plant Pot ปลูกไม้ใบที่ชอบแดดปานกลาง ส่วนชั้นสามที่อยู่ใกล้แสงแดดมากที่สุด เลือกปลูกประเภทไม้อวบน้ำ แคคตัส ที่มีคุณสมบัติทนแดดได้ดี
ออกแบบโรงเรือนให้ต้นไม้ชอบ
ภายใต้สภาพอากาศในปัจจุบันของประเทศไทยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ โรงเรือนแต่ละหลังจึงมีการออกแบบสภาพแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ ดังนี้
โรงเรือนกลางแจ้ง บริเวณนี้จะเป็นส่วนของต้นไม้ที่แข็งแรง ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้ดี โดยทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งรับแดด ฝน และการระบายอากาศตามธรรมชาติด้วยสแลนกรองแสง 70% คลุมหลังคา เพื่อพรางความร้อนแรงของแดด รดน้ำโดยผู้ดูแลสวนที่เชี่ยวชาญ ใช้ระบบดูแลโดยการสังเกตหน้าดินเป็นหลัก
โรงเรือนมีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ที่ไม่ต้องการน้ำมากเท่ากลุ่มแรก โดยโรงเรือนส่วนนี้เป็นพื้นที่กึ่งภายนอกคลุมด้วยหลังคาโปร่งแสง เพื่อให้ต้นไม้รับแสงได้โดยที่ไม่โดนฝนมากนัก ให้น้ำต้นไม้ด้วยระบบสปริงเกอร์ตั้งเวลาเปิด-ปิด ส่วนผนังรอบข้างกรุมุ้งลวดเพื่อกันแมลงโดยที่ลมยังพัดผ่านได้ และเพิ่มการระบายอากาศในช่วงระหว่างวันที่ร้อนจัดด้วยพัดลมเพดานที่ทำงานคู่กันกับพัดลมดูดอากาศขนาดใหญ่ โดยพัดลมเพดานจะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนอากาศภายในโรงเรือน ในขณะที่พัดลมดูดอากาศจะดูดเอามวลความร้อนออกไปข้างนอก ทำให้อากาศในโรงเรือนไม่อบอ้าวจนเกินไป
เรือนเพาะชำ สำหรับขยายพันธุ์ต้นไม้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษเพื่อให้ฟื้นตัวไว ส่วนนี้เป็นโรงเรือนระบบปิด ป้องกันเชื้อโรคและแมลงจากภายนอก ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ EVAP (Evaporative Cooling System) คู่กับพัดลมระบายอากาศ ทำให้อากาศภายในโรงเรือนเสถียร “ต้นไม้เวลาขยายพันธุ์ก็เหมือนผู้ป่วยห้องไอซียู ต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสมในการแตกราก ฟื้นฟูตัวเอง ถ้าเราไปปักในที่อุณหภูมิสูงเกินไป รากก็ไม่ออก”
การทำความรู้จักต้นไม้หายาก ควรศึกษาควบคู่กับตำราหลายแขนง นอกจากหนังสือเกี่ยวกับพันธุ์ไม้แล้ว หนังสือด้านการตกแต่ง ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงเรื่องวัฒนธรรม ก็ทำให้รู้จักต้นไม้มากขึ้นไม่น้อย เนื่องจากการเลี้ยงไม้ประดับในอาคาร หรือการสะสมไม้แปลกนั้นเป็นงานอดิเรกที่มีมาแล้วกว่าร้อยปี อย่างการตกแต่งบ้านหรืออาคารสำนักงานสมัยแรกเริ่มที่มีการใช้ไม้แปลกต่างถิ่นเข้ามาประดับ ก็ทำให้เห็นแนวทางการออกแบบสภาพแวดล้อมในอาคาร ให้ต้นไม้เติบโตได้โดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคซับซ้อน หรือแม้ในปัจจุบันเองที่เทคโนโลยีการปลูกพืชพัฒนาไปไกลจนสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ จนเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตในห้องที่ปิดทึบได้ การศึกษาธรรมชาติของต้นไม้ชนิดนั้นๆ ก็ยังคงมีความสำคัญ เพื่อให้ต้นไม้เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง คงความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของ Exotic Plants ไว้ได้
ไอเดียทำโรงเรือนสะสมต้นไม้ งบไม่ถึงแสน
ต้นไม้ชนิดใดที่ควรปลูกในโรงเรือน
ติดตามบ้านและสวน
คอลัมน์ Home Expert นิตยสารบ้านและสวน ฉบับเดือนสิงหาคม 2567
เรื่อง : ณัฐวรา
ภาพ : อภินัยน์ ทรรศโนภาส, กรานต์ชนก บุญบำรุง, ธนายุต วิลาทัน และพลวัฒน์ มุงเมือง