ไอเดียทางเดินชมฝน ใช้แดด ลม ฝน มาสร้างสรรค์มุมสวย
ที่แทรกอยู่ในความเรียบง่ายของทรงหลังคาอย่างบ้านเมืองร้อน คือบรรยากาศกึ่งภายนอก-ภายในเจืออยู่ในทุกมุม “บ้านหลังนี้ออกแบบให้คนรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมได้ไว เพราะอยากให้รู้สึกว่าบ้านนี้ไม่ได้กลัวแดดกลัวน้ำ แต่ชวนให้คิดต่อว่าสามารถนำมาทําอะไรได้บ้าง” การเลือกใช้วัสดุที่ดูโปร่งเบา มาจากไอเดียการนำบริบท แดด ฝน ต้นไม้ มาใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของบ้าน สร้างมิติแสงเงาให้บ้านได้หลากหลายรูปแบบ “อย่างหลังคามีทั้งส่วนที่ปิดและส่วนที่เปิด เพราะบางส่วนต้องการความเป็นส่วนตัว บางส่วนต้องการแสง บางส่วนต้องการน้ำ เราก็เลือกกรองบริบทนั้นๆ ให้ผ่านเข้ามาตามที่ต้องการ”
เปิดให้พอเหมาะ
การเปิดรับวิวรอบบ้านควรเลือกใช้เพียงบางส่วนเพื่อคงสมดุลของความสบายในอาคารไว้ เพราะพื้นที่ภายนอกนั้นควบคุมแดด ลม ฝน ได้ยากกว่าภายในบ้าน อย่างที่คุณจูนยกตัวอย่างการยื่นชายคาบ้านให้ยาวเพื่อกำหนดกรอบในการมองทิวทัศน์ คัดเอาวิวบางส่วนออกเพื่อให้ชื่นชมได้นานๆ โดยที่ไม่เมื่อยตาไปเสียก่อน เปรียบเทียบด้วยการมองผ่านหมวก “สังเกตไหมว่า เวลามองออกไปข้างนอกแบบไม่มีหมวกมันแสบตา พอมองผ่านใต้ปีกหมวก ซึ่งก็ให้แสงเข้ามาได้ด้วย ไม่ปิดหมด เราก็จะเห็นภายนอกได้โดยที่ไม่จ้าเกินไป เป็นมิตรกับสายตามากขึ้น”
ปิดให้น่าสนใจ
บางบริบทอาจไม่สามารถนำเข้ามาใช้ในบ้านได้ตรงๆ อย่างเช่นแสงสว่างนอกบ้านที่จ้ามากจนใช้ได้ไม่สะดวก ซึ่งคุณจูนเรียกว่า Negative Light หากจะนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ภายในบ้านก็ต้องอาศัยเทคนิคทางสถาปัตยกรรมกรองแสงบางส่วนออกเพื่อแปลงให้เป็น Positive Light ที่คนสามารถใช้ได้อย่างสบาย ไม่แสบตาหรือเกิดความร้อนมากจนเกินไป “เราต้องดูว่าแสง 100% เราอยากได้เข้ามาในอาคารเท่าไร เพื่อให้สว่างโดยที่ไม่ต้องกั้นผนังกันความร้อนทีหลัง” การออกแบบแสงธรรมชาติสามารถทำได้หลายวิธีโดยที่ไม่จำเป็นต้องมองเห็นหรือสัมผัสโดยตรง เช่น การปรับตำแหน่งและขนาดช่องแสง, การหักเหมุมช่องเปิดเพื่อให้เกิดแสงสว่างแบบ Indirect Light หรือกรองผ่านวัสดุหลากชนิดเพื่อให้มีความละมุนตามากขึ้น เป็นต้น