ต้นคริสต์มาส กับการเฉลิมฉลอง วันคริสต์มาส เทศกาลสุดคลาสสิกในฤดูหนาวส่งท้ายปี เป็นพรรณไม้ที่ใบเปลี่ยนสีเมื่ออากาศเย็น
บ้านและสวนขอเสนอ ต้นคริสต์มาส หรือ Poinsettia พรรณไม้ที่มีลักษณะโดดเด่นด้านสีใบ ที่จะเปลี่ยนสีเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ปัจจุบันกลายเป็นพรรณไม้ยอดนิยมในการจัดตกแต่งสถานที่เพื่อฉลองเทศการสุดฮิต อย่าง วันคริสต์มาส ด้วยชื่อของต้นไม้ชนิดนี้จึงกลายมาเป็นพรรณไม้ที่ต้องมี และโดดเด่นไม่น้อยกว่าต้นสนเลยทีเดียว
ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์
ต้นคริสต์มาสนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia pulcherrima Willd. ex Klotzsch จัดอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae เช่นเดียวกันกับ โป๊ยเซียนและโกสน ในเมืองไทยมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น บานใบ, โพผัน หรือ สองระดู และชื่อสามัญมักจะเรียกกันว่า Christmas Star, Christmas Flower, Lobster Plant, Mexican Flameleaf, Poinsettia จัดเป็นประเภทพรรณไม้พุ่ม ที่มีรูปทรงแผ่กว้าง ลำต้นขนาดเล็กสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวขุ่น ใบเป็นใบเดี่ยวที่ปลายใบแหลม มีหลายสี เช่น สีขาว, เหลือง, แดง, และชมพู ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองออกเป็นช่อที่ปลายยอด และออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์
ความลับของต้นคริสต์มาส
หลายคนอาจเข้าใจผิด คิดว่าส่วนที่เป็นสีต่างๆของต้นคริสต์มาสนั้นคือดอก แต่ความจริงแล้วนั่นคือใบประดับ ที่จะเปลี่ยนสีไปตามธรรมชาติในหนาว เดิมต้นคริสต์มาสนี้จะมีใบเป็นสีเขียวทั้งต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่เป็นมีช่วงเวลากลางวันสั้นลง ได้รับแสงน้อยลง สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ที่มีสีเขียวในใบประกอบนั้นจะถูกทดแทนด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) จึงเป็นที่มาของสีสดใสต่างๆที่เราเห็นนั่นเอง
เทคนิคการปลูกเลี้ยง
ต้นคริสต์มาสเป็นพรรณไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตปานกลาง และเติบโตได้ดีในดินร่วนที่ระบายน้ำดี ชอบแดดเต็มวัน หรือกึ่งร่ม และชอบอากาศเย็น ต้องการน้ำปานกลาง วันละครั้ง
การขยายพันธุ์
ต้นคริสต์มาสนิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง ที่มีวัสดุอุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ กรรไกรตัดกิ่งหรือคัตเตอร์, ขุยมะพร้าวหรือพีตมอสส์, กระถางหรือถุงดำ, น้ำยาเร่งราก, ถุงมือ, ต้นคริสต์มาส
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมวัสดุและอุปกรณ์ปักชำ คือ ขุยมะพร้าวหรือพีตมอสส์ อย่างละ 1 ส่วน ลงในกระถางหรือถุงปลูกขนาด 2-3 นิ้ว แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ขั้นตอนที่ 2 เลือกกิ่งชำจากต้นที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ควรเลือกกิ่งที่มีขนาเล็กเกินไป โดยตัดได้ทั้งส่วนยอดและลำต้น แนะนำให้เลือกกิ่งกึ่งอ่อนกึ่งแก่จะทำให้ติดรากเร็ว
ขั้นตอนที่ 3 ตัดกิ่งเป็นท่อนความยาวประมาณ 10-15 ซม. และเด็ดใบทิ้ง เหลือไว้เพียงกิ่งละ 2 ใบ
ขั้นตอนที่ 4 ปักชำกิ่งลงในกระถางหรือถุงปลูกที่เตรียมไว้ (ขั้นตอนที่ 1) ปักลึกลงประมาณ 1 นิ้ว
ขั้นตอนที่ 5 นำกระถางหรือถุงชำไปวางไว้ในที่แสงรำไร หรือใต้โรงเรือนพรางแสง จากนั้นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ 40-50 วัน กิ่งชำจะเริ่มออกราก และสามารถย้ายปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ขึ้นได้ต่อไป
ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย และอนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
บทความที่เกี่ยวข้อง
กำจัดเพลี้ยแป้ง ด้วย 5 วิธีง่ายๆ
หน้าหนาว กับความสดใสของดอกไม้นานาชนิด
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com