การจัดสวนหย่อมแบบธรรมชาติ เพิ่มความสดชื่นและความงามให้กับบริเวณรอบบ้าน
การจัดสวนหย่อมแบบธรรมชาติ คือ การออกแบบพื้นที่สวนขนาดเล็ก เช่น สวนหน้าบ้าน หน้าห้องรับแขก หน้าศาลพระภูมิ สวนรอบศาลา หรือบริเวณทางเดิน เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความสวยงามให้กับบริเวณบ้าน อาคาร สถานที่
ซึ่ง การจัดสวนหย่อมแบบธรรมชาติ จะเป็นการออกแบบและตกแต่งพื้นที่ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด และคำนึงถึงความยั่งยืนของธรรมชาติ ทำให้สามารถดูแลรักษาได้ง่ายกว่าสวนหย่อมแบบประดิษฐ์ โดย บ้านและสวน มีขั้นตอนง่าย ๆ มาแนะนำดังนี้

1.เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม ตามแสงแดดและการใช้งาน
สวนหย่อมภายในบ้านมักจะมีขนาดเล็ก ประมาณ 1 – 3 จุด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของบ้านแต่ละหลัง เช่น หน้าบ้าน ข้างบ้าน หรือหลังบ้าน ซึ่งควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ใกล้ทางเดิน ทางเข้าบ้าน หรือพื้นที่นั่งพักผ่อน เพราะการออกแบบสวนให้เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องครัว เพื่อจะช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงควรอยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้สะดวก เพื่อความง่ายในการดูแลและรดน้ำต้นไม้ แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ลมแรงหรือดินเสื่อมโทรมมากเกินไป

2.ออกแบบให้เป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อเกินไป
ก่อนการออกแบบควรวัดขนาดพื้นที่ให้ละเอียดดีเสียก่อน ว่ามีขนาดเท่าไหร่ มีแสงแดดส่องถึงมากหรือน้อย อยู่ในทิศทางที่ลมพัดผ่านหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนการตกแต่งสวน เลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และเลือกสไตล์ได้อย่างเหมาะสม จากนั้นหากอยากได้สวนหย่อมแบบธรรมชาติ ให้เลือกใช้เส้นสายธรรมชาติ เช่น การจัดพื้นที่ให้โค้งมน จัดวางอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีชีวิตชีวา หลีกเลี่ยงเส้นตรง รูปร่างเรขาคณิต หรือมีรูปแบบที่แข็งกระด้าง เน้นการจำลองลักษณะธรรมชาติให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้สึกสงบ อาจใช้ก้อนหินหรือเนินดิน เพื่อเพิ่มมิติและความเป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุหรือการจัดวางองค์ประกอบที่ดูเป็นระเบียบเกินไป

3.การเลือกไม้ประธานที่เป็นจุดเด่น และเข้ากับพื้นที่
การเลือกไม้ประธานในสวนหย่อมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม้ประธานเป็นจุดเด่นที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์และความสมดุลในสวนหย่อม จึงควรวางตำแหน่งไม้ประธานให้อยู่ในจุดที่ดึงดูดสายตา เช่น มุมเด่นหรือกลางสวน ซึ่งสวนหย่อมแต่ละจุดอาจใช้ไม้ประธานเพียง 1 – 3 ต้น เพื่อไม่ให้ดูรกหรือแออัด และควรเลือกใช้ชนิดใดชนิดหนึ่งหรือมีความใกล้เคียงกัน เพื่อให้ภาพรวมดูสวยงามกลมกลืนและดูเป็นธรรมชาติ โดยถ้าหากเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก ควรเลือกไม้ขนาดกลางถึงเล็ก เช่น ต้นลีลาวดี หรือต้นโมก พื้นที่ขนาดใหญ่อาจเลือกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น ต้นสน หรือ ต้นปีบ ชนิดที่รากไม่ทำลายโครงสร้าง และไม่ผลัดใบบ่อยเกินไป เพื่อลดการทำความสะอาด
Tips การป้องกันวัชพืชก่อนการจัดสวน เพื่อลดภาระการดูแลในระยะยาว

4.การจัดวางองค์ประกอบให้สมดุล ระหว่างไม้สูง กลาง ต่ำ
หลังจากกำหนดตำแหน่งของไม้ประธานและมุมมองของสวนหย่อมแล้ว ให้เสริมด้วยไม้พุ่ม และไม้คลุมดิน จัดวางต้นไม้ตามลักษณะการเติบโต เช่น ไม้พุ่มทนร่มให้ปลูกไว้ใต้ไม้ใหญ่ หรือไม้ดอกให้ปลูกไว้ในตำแหน่งที่แสงแดดส่องถึง และควรปลูกให้ดูเป็นธรรมชาติ ผสมผสานต้นไม้ที่มีขนาดและรูปทรงแตกต่างกัน อย่าเรียงเป็นแถวตรงเกินไป อาจใช้หลัก “สูง กลาง ต่ำ” เพื่อความเป็นธรรมชาติ อย่าง ชั้นสูงเป็นไม้ยืนต้นให้ร่มเงา ชั้นกลางเป็นไม้พุ่มเติมสีสันและความหนาแน่น ผสมผสานต้นไม้ที่มีขนาดและรูปทรงแตกต่างกัน เช่น ใช้สีเขียวเป็นสีหลัก สลับด้วยดอกไม้สีอ่อน ๆ เพื่อความสมดุล ส่วนชั้นล่างเป็นไม้คลุมดิน ปูหญ้า หรือกรวดช่วยให้สวนดูเรียบร้อย
Tips เทคนิคดูแลพรรณไม้ในสวนทรอปิคัล ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ

5.ตกแต่งบริเวณเพิ่มเติมด้วยวัสดุธรรมชาติ เพื่อเพิ่มบรรยากาศ
อาจเพิ่มบรรยากาศของสวนให้ดูสวยสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย น้ำตกเล็ก ๆ บ่อปลา หรือน้ำพุ เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวและเสียงธรรมชาติ ใช้แผ่นหิน ไม้หมอนรถไฟ หรือไม้เป็นทางเดินคดเคี้ยว จัดวางวัสดุธรรมชาติ เช่น วางก้อนหิน ขอนไม้ ม้านั่งไม้ หรือไม้เก่าให้ดูเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ใช้แสงไฟในสวนเพื่อให้สวยงาม มีมิติ และใช้งานได้แม้เวลากลางคืน แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงวัสดุที่ดูแข็งทื่อเกินไป เช่น กระเบื้องเงา พลาสติก หรือสแตนเลส