สวนหย่อมกลางแจ้ง พื้นที่สีเขียวช่วยลดและกันฝุ่นเข้าบ้าน
แม้ว่าจะปิดประตู – หน้าต่างอย่างมิดชิดตลอดเวลา ก็อาจจะมีฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ PM 2.5 ไปจนถึงมลพิษและมลภาวะต่าง ๆ เล็ดลอดเข้าไปภายในบ้านได้เสมอ การมี สวนหย่อมกลางแจ้ง จึงเสมือนเป็นเกราะสีเขียวที่ช่วยลดและกันฝุ่นเข้าบ้านได้อีกทางหนึ่ง
เพื่อให้ สวนหย่อมกลางแจ้ง ช่วยลดและกันฝุ่นที่เข้าสู่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บ้านและสวน จึงมีวิธีการหรือเคล็ดลับมาแนะนำเพิ่มเติม ดังนี้
- การจัดสวนหย่อมแบบธรรมชาติ เพิ่มความสดชื่นและความงามให้กับบริเวณรอบบ้าน
- ไอเดียสวนหย่อมหน้าบ้านเล็กๆ เพิ่มความสดชื่นแม้มีพื้นที่จำกัด
- รวมต้นไม้ฟอกอากาศ และตำแหน่งที่ควรปลูกในบ้าน

1. เลือกต้นไม้ที่ช่วยดักจับฝุ่นในอากาศ
ต้นไม้ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีจากธรรมชาติที่ช่วยจัดการกับมลภาวะทางอากาศได้อย่างดีที่สุด ซึ่งต้นไม้ทุกชนิดมีจะคุณสมบัติในการดักจับฝุ่นละออง ผ่านพื้นที่ผิวใบและกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยาย โดยฝุ่นละอองบางส่วนอาจติดอยู่ที่ใบเพราะความชื้น จากนั้นฝุ่นที่เกาะตามใบก็จะร่วงลงสู่พื้น ช่วยลดการฟุ้งกระจายในอากาศได้ ซึ่งคุณสมบัตินี้แต่ละต้นจะมีมาก – น้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะของใบ โดยใบที่สามารถดักฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพจะต้องมีผิวใบหยาบ สากคล้ายกำมะหยี่ หรือขรุขระ มีขนที่ใบ จำนวนใบหนาแน่นหรือซ้อนกันเป็นชั้น อย่าง ไม้พุ่ม เช่น ไทรเกาหลี ชาฮกเกี้ยน ไผ่ประดับ โมก ต้นสน หรือไม้เลื้อยและไม้คลุมดิน เช่น ตีนตุ๊กแก พลูด่าง อีกทั้งต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบจะมีประสิทธิภาพดีกว่าไม้ผลัดใบ เช่น จามจุรี สะเดา สัก มะตาด นอกจากนี้ ฝุ่นละอองบางส่วนจะถูกดูดเข้าไปพร้อมกับกระบวนการหายใจของพืช ซึ่งส่วนใหญ่มักพบได้ในกลุ่มไม้ฟอกอากาศ เช่น วาสนาอธิฐาน เยอร์บีร่า เบญจมาศ หน้าวัว โกสน จั๋ง เศรษฐีเรือนใน สับปะรดสี หมากเหลือง เศรษฐีเรือนแก้ว สาวน้อยประแป้ง ว่านหางจระเข้ เป็นต้น

2. สร้างแนวกันฝุ่นด้วยต้นไม้
หากบ้านอยู่ติดถนนที่มีฝุ่นมาก และมีรั้วโปร่งที่ทำให้ฝุ่นปลิวเข้ามาได้ง่าย การปลูกต้นไม้ให้เป็นแนวกันฝุ่นจะช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปลูกไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นที่มีใบหนาแน่นและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เช่น ไทรเกาหลี ข่อย หรือชาฮกเกี้ยน ให้เป็นแนวรั้วด้านใน จะช่วยสกัดกั้นฝุ่นละอองที่ลอยมาตามลมได้ดีขึ้น ยิ่งถ้าหากปลูกไม้พุ่มขนาดเล็ก และไม้เลื้อยร่วมกัน จะช่วยลดช่องว่างและเพิ่มประสิทธิภาพในการดักฝุ่นให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่บ้านได้อีกด้วย
สำหรับคนเมืองที่มีพื้นที่จำกัดหรืออาศัยอยู่ในคอนโด การทำสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) บริเวณใกล้หน้าต่าง ทางเข้าบ้าน หรือระเบียง ก็สามารถช่วยกรองฝุ่น ลดอุณหภูมิในบ้าน และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน

3. ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นบนพื้นดิน
ในพื้นที่ที่มีลมแรงหรือบริเวณที่ดินโล่ง การปล่อยให้พื้นดินเปลือยโดยไม่มีการปกคลุม มักทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายได้ง่าย การปูพื้นด้วยวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดฝุ่น อย่าง การปูหญ้า เช่น หญ้ามาเลเซีย หญ้านวลน้อย ซึ่งมีลักษณะใบแน่นและเขียวชอุ่ม จะช่วยยึดหน้าดินและดูดซับฝุ่นไม่ให้ลอยฟุ้งขึ้นมา หรือการปลูกพืชคลุมดิน เช่น หนวดปลาดุกแคระ หรือถั่วบราซิล นอกจากจะช่วยลดฝุ่นได้แล้ว ยังเพิ่มสีสันให้กับสวน ช่วยป้องกันการพังทลายของดิน และลดความร้อนที่สะสมบนพื้นดิน

4. เพิ่มความชื้นในอากาศ
น้ำเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดฝุ่นในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ การระเหยของน้ำจากต้นไม้และแหล่งน้ำรอบบ้านไม่เพียงแค่เพิ่มความชื้นในอากาศ แต่ยังช่วยให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กจับตัวเป็นหยดน้ำและตกลงสู่พื้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยลดปริมาณฝุ่นที่ลอยฟุ้งในอากาศได้เป็นอย่างดี โดยวิธีการเพิ่มความชื้นในอากาศทำได้หลากหลาย เช่น การติดตั้งม่านน้ำขนาดเล็กบริเวณข้างรั้วหรือกำแพง การติดตั้งสปริงเกลอร์ หรือหัวพ่นหมอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ รวมถึงการมีมีบ่อน้ำ บ่อปลา หรือบ่อน้ำตกในสวน ซึ่งการเพิ่มความชื้นไม่ได้ช่วยแค่เรื่องฝุ่น แต่ยังช่วยลดอุณหภูมิรอบบ้าน ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้นได้อีกด้วย

5. ปรับทิศทางและชะลอความเร็วของลม
สวนไม่ได้เป็นแค่พื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อน แต่ยังสามารถช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น และควบคุมทิศทางลมที่พัดผ่านเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ หากออกแบบสวนให้เหมาะสม ต้นไม้จะทำหน้าที่เป็นเกราะธรรมชาติ ช่วยกรองฝุ่นและชะลอความแรงของลม ทำให้อากาศที่เข้ามาในบ้านสะอาดและเบาสบายยิ่งขึ้น โดยอาจเริ่มจากการจัดโซนนิ่งสร้างพื้นที่ให้มีพื้นที่เปิดรับลมก่อนที่ลมจะพัดเข้าสู่บ้าน เพื่อให้ลมที่พัดผ่านสวนจะเจอกับต้นไม้ที่ทำหน้าที่เป็นแนวกรองฝุ่นตามธรรมชาติ จากนั้นไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้ในลำดับถัดมา จะช่วยบังคับทิศทางลมให้พัดไปในมุมที่ต้องการ เช่น พื้นที่ที่ติดตั้งม่านน้ำ หรือพื้นที่ที่ปลูกพืชดักฝุ่น ก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน