“เรามาพักผ่อนทำสมาธิ ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากนั่งอ่านหนังสือ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เราขาดไม่ได้ ส่วนฟ้าใสเขาก็จะชอบทำสวนทำอะไรของเขาไป” – คุณแดง –
“โดยมากก็จะขึ้นมาเชียงใหม่ด้วยกัน อยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ทำให้ไม่รู้สึกว้าเหว่ เพราะรอบ ๆ ก็ไม่ค่อยมีบ้านคน เวลาไปเที่ยวที่ไหนก็ไปด้วยกันได้ ถ้ามาคนเดียวจะรู้สึกเหงามาก” – คุณแดง –
“ เมื่อก่อนเคยมาทำงานที่เชียงใหม่ มีช่วงหนึ่งมาเที่ยวเชียงดาว เราชอบความรู้สึกและบรรยากาศของที่นี่มาก อยากมีบ้านที่เชียงใหม่ในบรรยากาศแบบนี้” –คุณฟ้าใส-
“เราก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่งไปเรื่อย ๆ บางชิ้นก็เป็นของฟ้าใส เพราะเขาจะชอบแต่งบ้านและก็มีงานศิลปะมาฝากอยู่เรื่อย ๆ” –คุณแดง-
ดูเหมือนสายสัมพันธ์ของการใช้ชีวิตในสังคมใหญ่จะค่อย ๆ จางหายไป นานแค่ไหนแล้วที่เราแทบไม่ได้นึกถึง “เพื่อนบ้าน” ทั้งที่พวกเขาอยู่ใกล้เราแค่เอื้อม แต่กลับมีรั้วคอนกรีตสูงบ่งบอกอาณาเขตของกันและกันแทน ต่างจากบ้านน้อยสองหลังนี้ที่อยู่เรียงเคียงกัน เพราะเห็นความสำคัญของคำว่า “เพื่อน”
อีกทั้งทิวทัศน์ของทุ่งนากว้างใหญ่เบื้องหน้า และภูเขาสูงสง่าของดอยหลวงเชียงดาวซึ่งตั้งรับกับปุยเมฆที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างช้า ๆ ก็เป็นเหตุผลให้ คุณแดง-อัจฉรา บุนนาค และคุณฟ้าใส วิเศษกุล สองเพื่อนสาวต่างวัยเลือกมาสร้างบ้านใกล้กันบนดินแดนแสนงดงามแห่งนี้
บ้านหลังแรกเป็นบ้านครึ่งดินผสมคอนกรีตครึ่งไม้ขนาดกะทัดรัด ซึ่งเป็นบ้านในฝันของคุณแดง นักจิตบำบัดที่ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกามาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี กระทั่งตัดสินใจนำวิชาความรู้กลับมาบำบัดคนไข้ในประเทศไทย เมื่อถึงช่วงวันหยุดเธอก็มักกลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้
“เคยมีความฝันว่าอยากมีบ้านสักหลังในชนบทเพื่อใช้สำหรับพักผ่อน ประจวบกับฟ้าใสเขาพามาดูที่ดินที่เขาซื้อไว้ตรงนี้ พอเราเห็นก็ชอบมาก รู้สึกว่าอยากมีบ้านที่เชียงใหม่ในบรรยากาศแบบนี้ แล้วรอบ ๆ ก็มีที่ดินที่เพื่อน ๆ ของฟ้าใสเริ่มซื้อกันแล้ว เรียกว่าก็ยังมีคนรู้จักอยู่ จึงตัดสินใจซื้อและปลูกบ้าน”
รูปทรงอาคารได้แรงบันดาลใจจากบ้านญี่ปุ่นหลังหนึ่งที่คุณแดงชื่นชอบ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการออกแบบในลักษณะสมมาตร เข้ากับประตูหน้าต่างรูปวงกลม สร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ประกอบกับ คุณพรไพลิน ตันเจริญ สถาปนิกผู้ออกแบบและดูแลการก่อสร้างที่ใช้เวลาเป็นแรมปีอยู่ที่เชียงดาวเพื่อออกแบบบ้านสองหลังนี้ ก็ได้ดึงเอาเสน่ห์ของเชียงดาวมาจากผืนดินผสมกับคอนกรีตฉาบแต่งเป็นผนังชั้นล่าง ให้สีแดงที่ดูเป็นธรรมชาติ รับกับชั้นสองที่เป็นโครงสร้างตีผนังด้วยไม้เนื้อแข็งสีน้ำตาลแดง ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ลอยตัวเพียงไม่กี่ชิ้น มีหน้าต่างและช่องเปิดกระจายอยู่ทุกมุมห้อง เมื่อประกอบกับการใช้พื้นและเพดานสีขาว พอเข้ามาภายในบ้านจึงดูสว่างและโล่งสบาย ช่วยเบรกความเข้มและมืดทึบของสีแดงจากสีดินและไม้ได้เป็นอย่างดี
“เราอยากมีบ้านที่ให้ความรู้สึกโล่งสบาย เพราะตอนที่เราทำงานต้องอยู่กับปมของคนไข้ เรามีหน้าที่เข้าไปสางปมชีวิตของเขาออก พอกลับมาพักผ่อนก็อยากมาหาที่ที่ไม่มีปม มองไปไกล ๆ ได้เห็นแต่สิ่งสวยงาม” คุณแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถัดจากบ้านสีดินของคุณแดง เราเดินไปตามคันนา ข้ามสระน้ำเล็ก ๆ ไปสู่บ้านหลังสีขาวขนาดเท่ากับหลังแรก เจ้าของคือคุณฟ้าใส นักศิลปะบำบัดสาวผู้ชื่นชอบงานศิลปะและงานฝีมือ
ตัวบ้านออกแบบอย่างเรียบง่าย ลักษณะเป็นบ้านครึ่งคอนกรีตครึ่งไม้ ได้อารมณ์ความเป็นพื้นถิ่นคล้ายกับบ้านของคุณแดง เพราะออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความต้องการและรสนิยมของคุณฟ้าใส เลือกใช้สีขาวที่ดูสะอาดตาและให้กลิ่นอายความเป็นโคโลเนียลตามแบบบ้านที่หลวงพระบาง ซึ่งคุณแม่คุณฟ้าใสประทับใจ
ลักษณะเด่นของบ้านหลังนี้คือชั้นสองจะล้อมรอบด้วยระเบียงสำหรับนั่งเล่นรับลม รวมถึงใช้ไม้ทาสีขาวที่ให้อารมณ์ของบ้านยุคเก่า รอบบ้านยังมีสวนเล็ก ๆ และซุ้มดอกกุหลาบที่คุณฟ้าใสดูแลอย่างดี เข้ากับผ้าม่านลายดอกไม้ที่นำออกไปสู่มุมนั่งเล่นริมน้ำ รับกับสระบัวด้านหลังที่มองเห็นทิวทัศน์ของดอยหลวงเชียงดาว
“ชอบบ้านที่มีดอกไม้ อยากมีบ้านแบบบ้านของโมเนต์ (ศิลปินนักวาดภาพชื่อก้องโลก) ที่อยู่ในสวนสวย ๆ มีบ้าน สระบัว และแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ก็เลยทั้งจัดสวนรอบบ้านและนำลวดลายดอกไม้มาตกแต่งเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน”
ภายในบ้านยังคงใช้สีขาวเช่นเดียวกับภายนอก จึงได้ความรู้สึกเชื่อมต่อกัน ทั้งยังดูสะอาดตาและโล่งสบาย รับกับแสงสว่างจากหน้าต่างและประตูระเบียง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีธรรมชาติและสีขาว บางชิ้นก็ย้อมเสี้ยนขาว เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่น โดยมีทั้งของเก่าและงานที่ประยุกต์มาจากของเก่า เช่น โต๊ะจากบานประตูและลูกกรง แต่สิ่งที่ทำให้การตกแต่งบ้านหลังนี้โดดเด่นไม่ซ้ำใครก็คืองานศิลปะ งานฝีมือ และงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ผ่านการนำมาดัดแปลงจากความคิดสร้างสรรค์ของคุณฟ้าใสและสถาปนิก กลายเป็นของประดับน่ารัก ๆ ที่ช่วยให้บ้านดูน่าสนใจและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ตัดกับความเรียบของสีขาวที่เป็นพื้นหลัง
“ชอบแต่งบ้านและอ่านหนังสือแต่งบ้านตั้งแต่เด็ก พอมีบ้านก็อยากให้เป็นสีขาว เพราะดูสะอาดตา แต่งอะไรได้ง่ายตามใจ แล้วก็เปลี่ยนอารมณ์ได้ง่าย เล่นอะไรได้ง่าย อีกอย่างเป็นคนชอบของตกแต่งบ้านด้วยโดยเฉพาะพวกงานแฮนด์เมด เพราะดูเป็นของจากธรรมชาติ ดูซอฟต์ ๆ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ”
ตะวันใกล้จะลับลงสู่ดอยหลวงเชียงดาวที่อยู่เบื้องหน้า เวลาหนึ่งวันกับบ้านสองหลังที่มีเรื่องราวมากมายให้สนทนา หากประตูของบ้านทั้งสองหลังนี้ไม่เปิดเข้าหากัน เราคงเห็นความสวยงามและความสุขแค่เพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งก็คือมิตรภาพที่ช่วยแต่งเติมภาพของวิวทิวทัศน์และบ้านให้งดงามมากยิ่งขึ้น เพียงเปิดประตูและเปิดใจรับกับมิตรภาพใหม่ ๆ อาจทำให้การอยู่บ้านมีความสุขมากกว่าที่เคยก็เป็นได้ครับ
บ้านแสนรักของคุณอัจฉรา บุนนาค และคุณฟ้าใส วิเศษกุล
สถาปนิก : คุณพรไพลิน ตันเจริญ
เรื่อง : “ปัญชัช”
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข