เทคนิคจัดสวน ผสมผสานพรรณไม้อย่างไรให้ลงตัว หรือการ Mixed Border Garden ซึ่งเป็นการจัดสวนโดยใช้พืชหลายชนิดปลูกผสมผสานกัน ทั้งไม้ใบและไม้ดอก โดยเสน่ห์จะอยู่ที่ความหลากหลายของผิวสัมผัส รูปร่างของใบ มองแล้วคล้ายกับว่าสวนชนิดนี้ไม่ได้เกิดจากการจัดเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไปดูเทคนิคกันว่ามีอะไรบ้าง
Mixed Border Garden นั้นนิยมใช้กันแพร่หลายในสวนแถบยุโรป ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของการจัดสวนสไตล์นี้ ที่เห็นได้ชัดคือการจัดสวนสไตล์ English Cottage Garden เป็นตัวอย่างของการผสมผสานของต้นไม้ที่ดูเป็นธรรมชาติ แล้วการทำสวนแบบ Mixed Border ก็คือ เทคนิคจัดสวน ชนิดหนึ่งที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรอบของสวนอังกฤษ ตัวอย่างสวนในภูมิภาคบ้านเรา หลาย ๆ ครั้งจะเห็นการใช้เทคนิคนี้ประยุกต์เข้ากับการจัดสวนแบบทรอปิคัล หรือจัดสวนอังกฤษโดยใช้พรรณไม้เขตร้อน ทำให้เกิดเป็นสวนที่ดูแปลกใหม่
“สถานที่และการเตรียมตัวก่อนจัดสวน”
แปลงพรรณไม้แบบผสมผสานนี้ถือเป็นจุดขายของสวน ฉะนั้นโซนที่นิยมวางแปลง Mixed Border จะเป็นมุมสวนด้านหน้าบ้าน เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเดินเข้ามา หรือบริเวณริมทางเดินที่ให้ความรู้สึกว่าเรามีต้นไม้หลากหลายชนิดโอบล้อมอยู่ระหว่างที่เดิน สิ่งสำคัญของการเลือกต้นไม้มาปลูก คือจะต้องลิสต์รายชื่อพรรณไม้ไว้ก่อนคร่าวๆ โดยศึกษาให้ดีว่าสามารถอยู่รวมกันได้ในลักษณะวิสัยเดียวกัน โดยหลักๆ ของแปลงต้นไม้แน่นอนว่าต้องมีไม้ดอกเป็นตัวชูโรง ฉะนั้นพื้นที่ควรมีแสงแดดเพียงพอ และไม้ใบที่เลือกใช้ต้องทนสภาพแดดจัดได้ การจัดแปลงจะต้องมองได้สวยรอบทิศทาง ฉะนั้นอย่าลืมเรื่องของระดับต้นไม้ที่จะบังความสวยงามของกันและกัน ทฤษฎีการวางไม้เหมือนกับการจัดสวนทั่วไป คือต้องมีไม้พุ่มระดับกลางเล็ก และไม้คลุมดิน ปลูกไล่เรียงกัน แต่อย่าให้ถึงขนาดเป็นขั้นบันได ควรปลูกให้มีลักษณะแบบสุ่มบ้าง อย่าลืมนะครับว่าเรากำลัง “เลียนแบบธรรมชาติ” อยู่
“การเลือกใช้รูปทรง และ สีของพรรณไม้”
สิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งของการมิกซ์ก็คือ “โทนของสี” เราควรจะต้องจำกัดโทนของสีไว้ก่อนว่า เราอยากจะเล่นโทนสีไหนดี ถ้าอยากให้รู้สึกขรึม ดูนุ่มนวลสบายตา ควรเลือกใช้สีโทนเย็น ขาว ชมพู ม่วง ฟ้า แต่ถ้าอยากได้อารมณ์สวนที่ดูสดใส ก็ควรเลือกใช้สีโทนร้อนเข้ามาแต่งแต้มบ้าง เช่น หยอดสีเหลือง ส้ม ให้ดูมีจุดเด่นเป็นบางส่วน นอกจากเรื่องสีแล้ว รูปทรงของพรรณไม้ก็สำคัญไม่แพ้กัน การเลือกต้นไม้ถ้าจะให้ง่ายไว้ก่อนคือพยายามเลือกประเภทที่ผิวสัมผัสละเอียดเข้าไว้ พยายามใช้ไม้ใบขนาดใหญ่ให้น้อยที่สุด หากจะหยิบมาใช้ก็ควรเป็นต้นที่คุณคิดว่าเป็นพระเอกจริงๆ และอย่าลืมใส่ไม้ใบที่ฟอร์มเป็นเส้น อย่างเช่นไอริส พลับพลึง ซุ้มกระต่าย หญ้าน้ำพุ เข้าไปด้วย ไม้เหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นตัวประสานให้แต่ละพุ่มใบดูกลมกลืนกัน
Tips การใช้ไม้คลุมดินเป็นตัวสร้างลูกเล่นให้ภาพรวมของสวนดูสวยงาม สามารถเลือกใช้ได้ทั้งไม้คลุมดินที่มีใบละเอียด เน้นที่รูปร่างและลวดลายใบสวยงาม เช่น ข้าวตอกพระร่วง แว่นแก้ว ฤๅษีผสม หรือเลือกปลูกไม้คลุมดินที่มีดอกเล็กๆ อย่างมาร์กาเร็ต เวอร์บีน่า ผกากรอง โดยส่วนใหญ่มักปลูกให้ปกคลุมขอบแปลง ให้สวนดูกลมกลืนไปกับทางเดินโดยไม่เห็นรอยต่อที่มักเป็นดินโล้นๆ แลดูไม่สวยงาม
“Mixed Border ในสวนสไตล์อื่นๆ”
อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ตอนต้นเรื่องว่า เทคนิคการใช้ Mixed Border Garden ที่เราเห็นกันจนชินตาในสวนสไตล์อังกฤษนั้น สามารถนำมาใช้ในสวนสไตล์อื่นได้อย่างสบาย แต่ต้องมีหลักการใช้ให้เข้ากับลักษณะของพืชแถบบ้านเราสักหน่อย โดยปกติแล้วการจัดสวนสไตล์ทรอปิคัลจะมีการผสมผสานของพืชพรรณกันนอยู่แล้ว แต่จะอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ไม่ผสมผสานเท่าพืชในแถบเขตอบอุ่น แถมยังมีใบใหญ่รูปทรงใบมักไม่พลิ้วไหว ฉะนั้นการนำพืชเขตร้อนมาใช้ก็ต้องคัดสรรกันพอสมควร ไม้ที่นำมาใช้ต้องเป็นประเภทที่คุมฟอร์มได้ ตัดแต่งแล้วไม่เสียความเป็นเอกลักษณ์ของต้นนั้นไป ไม้ที่เป็นประเภทเหง้าจะไม่ค่อยแนะนำ เช่น ตระกูลเฮลิโคเนีย ขิงแดง ควรเลือกใช้ไม้ที่มีฟอร์มชัดเจน ไม่แพร่กระจายไปรบกวนกลุ่มต้นอื่นที่อยู่รอบๆ เช่น เอื้องหมายนา สับปะรดสี พุดศุภโชค พุดกุหลาบ พุทธรักษา เป็นต้น
ไม้ดอกในบ้านเราก็มีให้เลือกใช้หลายชนิด เช่น พยับหมอก เฟื่องฟ้า ยี่เข่ง นอกจากนี้นักจัดสวนหลายท่านได้ใส่สีสันเข้าไปในสวนป่าที่มีแต่ความเขียวให้ดูมีความสวยงามเพิ่มขึ้น โดยใช้ไม้ดอกหรือไม้คลุมดินที่ใบมีสีสัน เช่น แอฟริกันไวโอเลต บีโกเนีย หน้าวัวดอก จะเห็นได้ว่าการจัดสวนในปัจจุบันจะค่อนข้างร่วมสมัยและผสมสไตล์เข้ากันได้เป็นอย่างดี
“ทางเดิน ส่วนเพิ่มความสวยงาม”
สามารถเลือกใช้ได้หลายประเภท ทั้งพื้นกรวด พื้นคอบเบิลสโตน พื้นอิฐมอญ นอกจากหน้าที่หลักในการเป็นทางสัญจรแล้ว หน้าที่รองของทางเดินคือ ช่วยแบ่งแปลงต้นไม้ให้เป็นสัดส่วน อยู่ในขอบเขตของตัวเอง ไม่ทำให้สวนดูรกมากเกินไป พยายามเลือกทางเดินที่สีโทนกลางแบบเอิร์ธโทน เช่น เทา น้ำตาลอ่อน เพราะจุดเด่นของสวนจะอยู่ที่บริเวณ แปลงต้นไม้อยู่แล้ว หากเลือกทางเดินที่มีโทนสีฉูดฉาดจะทำให้ความโดดเด่นของพรรณไม้ที่เราต้องการโชว์ถูกลดบทบาทลงได้
“อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว”
ในการทำสวนที่มีพรรณพืชปลูกผสมกันหลายชนิด มักมีปัญหาอย่างหนึ่งหลังจากที่จัดสวนไปได้สักพัก คือพืชแต่ละชนิดจะเติบโตได้ไม่เท่ากัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยใช้การตัดแต่งให้เกิดที่ว่างระหว่างต้น พืชแต่ละกลุ่มเมื่อโตเต็มที่ควรมีระยะรัศมีทรงพุ่มแค่ชนกันพอดี อย่าให้ล้ำเข้าหากันในการตัดแต่งทรงพุ่มจึงควรเว้นระยะระหว่างต้นอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เมื่อตัดได้ระยะดังนี้ หลังจากไม้โตเต็มฟอร์ม ระยะทรงพุ่มก็จะชนกันพอดี หากเราไม่ควบคุมฟอร์มต้นอยู่เสมอ จะทำให้ต้นไม้โทรมได้ง่ายและยังนำมาซึ่งโรคพืชได้หลายชนิดอีกด้วย
Tips “โรคพืชที่มากับการจัดสวนพรรณไม้ผสม”
สิ่งที่ต้องพึงระวัง คือ เรื่องของเชื้อรา เพราะการจัดสวนที่มีพรรณไม้ผสมกันเยอะหากปล่อยให้ไม้แต่ละตัวเจริญเติบโตโดยไม่คุมฟอร์ม ต้นที่ใหญ่กว่าจะบดบังแสงแดดต้นเล็ก ๆ ทำให้เกิดการสะสมความชื้น ก่อให้เกิดโรคเชื้อรา และยังเป็น
ที่หมักหมมของบรรดาศัตรูพืช วิธีกันก่อนแก้ คือ การหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ แต่หากไม่ได้กันไว้ แก้ด้วยการตัดส่วนที่เป็นโรคออก ส่วนการใช้สารเคมีกำจัด ควรใช้ในกรณีที่จำเป็น และควรเลือกใช้ให้เหมาะกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค
เรื่อง : ฐปนา วชิรมาศ