ย่างเข้าสู่ช่วงปลายปีแล้ว ย่างเช้าที่ลมหนาวโชยมา การได้มีกาแฟอุ่นๆซักแก้วนั่นถือได้ว่าเป็นเรื่องแสนวิเศษ ยิ่งถ้ากลั่นชงมาด้วยความตั้งใจจนได้กาแฟเลิศรสด้วยแล้วก็นับได้ว่าเป็นความฟินของยามเช้าอย่างถึงที่สุด แต่ใคร่จะออกจากบ้านไปยังร้านกาแฟดีๆนั้น บางครั้งก็อาจจะหมดความชิลไปเสียก่อน ฉะนั้น วันนี้ How it Works จึงอยากจะขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับเครื่องกาแฟง่ายๆที่ชงกินเองได้ที่บ้านในหลากหลายวิธีการ คุณลักษณะ และรูปแบบ
พลังแรงโน้มถ่วง
1.POUR OVER METHOD
การชงกาแฟแบบ Pour Over Method นั่นแปลตรงตัวได้ว่า “รินจากด้านบน” แต่นิยมเรียกติดปากกันว่ากาแฟดริป(Drip Coffee) มีทั้งดริปแบบผ่านกระดาษกรอง กรวยสำหรับดริปก็มีหลายรูปร่าง ทั้งนี้ก็ตามแต่ความถนัด แต่มาตรฐานที่นิยมใช้กันก็จะมีทรง V60 ของ Hario และ แบบสามรูของ Mellitta ซึ่งยี่ห้อนี้เป็นผู้คิดค้นกระดาษกรองสำหรับการทำกาแฟดริปเลยทีเดียวเชียว
กลไกการทำงาน : เมื่อเราบดกาแฟประมาณ 30 กรัมได้เรียบร้อยดีแล้ว ก็วางกระดาษลงบนกรวยดริปซึ่งจะตั้งอยู่บนอุปกรณ์เสริฟอีกทีนั่นก็คือเหยือกหรือแก้วกาแฟนั่นเอง จากนั้นจึงเทน้ำร้อนลงไปลวกก่อนที่จะใส่ผงกาแฟลงในกระดาษ ทั้งนี้เพื่อเป็นการอุ่นอุปกรณ์ทั้งหมดให้มีกลิ่นที่สะอาดไม่รบกวนกลิ่นกาแฟ เทน้ำร้อนที่ลวกไว้ทิ้งไป จากนั้นจึงเทผงกาแฟลงในกระดาษและเริ่มรินน้ำร้อน เพียงไม่นานด้วยพลานุภาพแห่งแรงโน้มถ่วงโลกที่ดึงน้ำให้ผ่านผงกาแฟและกระดาษกรอง เราก็จะได้กาแฟหอมๆมาให้ลิ้มชิมรส
- ข้อดี : พกพาง่าย ราคาประหยัด ได้มิติของรสชาติและกลิ่นกาแฟที่นุ่มนวลและหลากหลาย
- ข้อเสีย : ใช้เวลาทำต่อแก้วช้าถึงช้ามาก
พลังมือ
2. Aeropress : Hand Pressure Coffee
เครื่องชงหน้าตาประหลาดที่เป็นผลงานออกแบบจากบริษัท Aerobie เจ้าพ่อใหญ่แห่งวงการจานร่อน แต่ผลลัพธ์ของกาแฟที่ได้ก็นับได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว การชงกาแฟแบบใช้แรงดันมือดันน้ำร้อนที่ชงกับกาแฟผ่านกระดาษกรองลงไปยังอุปกรณ์เสริฟ เป็นวิธีการที่ใช่กาแฟน้อยลงกว่าแบบรินจากด้านบน แต่กาแฟที่ได้จะมี Body หรือรสสัมผัสที่แน่นเป็นมวลมากกว่า ทั้งยังปรับการชงได้หลากหลายกว่าแบบ Pour Over อีกด้วย
กลไกการทำงาน : นำกระดาษกรองที่ลวกน้ำร้อนดีแล้วติดตั้งที่ปลายด้านล่างของชุดชง Aero Press จากนั้นนำไปตั้งบนแก้วกาแฟ เทเมล็ดกาแฟประมาณ 15-18 กรัม ลงไปในกระบอก จากนั้นรินน้ำร้อนตามต้องการลงไป คนน้ำและกาแฟช้าๆเป็นเวลา 5 วินาที นำลูกสูบติดเข้าที่ด้านบนและเริ่ม “กด” ช้าๆจนสุด น้ำกาแฟจะไหลผ่านกระดาษกรองลงสู่แก้วกาแฟด้านล่าง
- ข้อดี : สะดวกและรวดเร็วกว่าแบบ Pour Over ได้กาแฟที่เข้มข้นชัดเจนกว่า แต่ยังคงไว้ซึ่งมิติของรสที่หลากหลาย
- ข้อเสีย : ยังคงชงกาแฟได้ทีละแก้ว จึงอาจจะไม่ทันใจในเวลาที่ต้องชงหลายๆแก้วพร้อมกัน
3. French Press
อีกหนึ่งวิธีการชงกาแฟทีให้กาแฟรสหนักแน่นกลมกล่อม ซึ่งถ้าใครที่ชอบกาแฟแบบที่ติดความเป็นโกโก้นิดๆก็น่าจะชอบได้ไม่ยาก แต่อาจไม่แนะนำสำหรับคนชอบแก้วที่ใสคลีนไร้ซึ่งผงกาแฟ เพราะวิธีการแบบ French Press นั้นจะใช้การกรองผ่านตะแกรงกด ซึ่งตาที่ห่างกว่ากระดาษของตะแกรงนั้นจะละเอียดไม่เท่ากับการกรองด้วยกระดาษ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเสน่ห์อีกแบบของกาแฟที่ชงด้วยวิธีนี้
กลไกการทำงาน : บดกาแฟให้เรียบร้อย ใช้กาแฟ1 : 10 กับน้ำ ต้มน้ำร้อนแล้วลวกอุปกรณ์เสียก่อน จากนั้นเทน้ำทิ้งและใส่ผงกาแฟ เทน้ำร้อนลงไปแค่พอท่วมคนให้เข้ากัน รอ 1 นาที แล้วจึงเทน้ำร้อนที่เหลือจนเกือบเต็ม รอเป็นเวลา 4 นาที จากนั้นจึงปิดฝาและเริ่มกดกาแฟ อย่าออกแรงให้ใช้แค่น้ำหนักมือค่อยๆกดตะแกรงเพื่อดันกากกาแฟให้จมลงด้านล่าง เมื่อดันจนสุดกาแฟก็พร้อมรินเสริฟ
- ข้อดี : ชงง่าย ไม่มีชิ้นส่วนสิ้นเปลือง
- ข้อเสีย : อาจมีผงจากกากกาแฟอยู่ในแก้วจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับบางท่าน
เรื่อง : วุฒิกร สุทธิอาภา
ภาพประกอบ : ภาสกร เจยาคม