การได้อยู่กับธรรมชาติเป็นสิ่งที่ใครหลายคนฝันถึง เพราะธรรมชาติสร้างแรงบันดาลใจได้เสมอ เรามีโอกาสได้มาเยี่ยมบ้าน คุณเสงี่ยม ยารังษี จิตรกรผู้มีชื่อเสียงด้านการวาดภาพทิวทัศน์ ด้วยความรักในธรรมชาติและแสงสีจากธรรมชาติ บ้านบนเนินสูงในจังหวัดเชียงรายของครอบครัวนี้จึงล้อมรอบด้วยทิวทัศน์อันสวยงามของต้นไม้ ทิวเขา ท้องฟ้า และไร่สับปะรดนางแล ซึ่งมีใบเขียวและยอดอ่อนสีชมพูแดงน่ามอง
หน้าบ้านของเขายังมีเนื้อที่โล่งๆเว้นว่างไว้ แต่ไม่ใช่ที่ว่างเปล่าๆ ทุกปลายปีบริเวณนี้จะกลายเป็นทุ่งดอกหญ้าสีสวย สีชมพูสดใสที่เปลี่ยนสีเข้มจนจางลงกลายเป็นสีฟางข้าวในช่วงต้นปี เป็นแปลงดอกหญ้าที่ขึ้นเองตั้งแต่มาซื้อที่ดิน สวยถูกใจจนคุณเสงี่ยมปล่อยให้อยู่ไปตามสบาย กระทั่งร่วงโรยทิ้งเมล็ดแก่ไว้ในดินและงอกงามใหม่ทุกปี หญ้านี้เรียกกันว่า “หญ้าหางหมา” หรือ “หญ้าขี้แหลว” (ภาษาเหนือ แปลว่า ขี้เหลว) เพราะเป็นหญ้าที่หน่วยราชการเคยสั่งมาปลูกให้ฝูงปศุสัตว์ แต่แล้วโคกระบือก็พากันถ่ายเหลวเต็มทุ่ง จึงไม่สนับสนุนให้ปลูกต่อ ทุ่งหน้าบ้านคุณเสงี่ยมจึงอาจเป็นพื้นที่สุดท้ายของดอกหญ้าชนิดนี้ก็เป็นได้
คุณเสงี่ยมเรียนจบจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาวาดรูปสีน้ำมันเป็นอาชีพตั้งแต่ยังเรียน โดยเน้นภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้บ้านของเขาจึงเน้นการเปิดช่องให้แสงสว่างและทิวทัศน์เข้ามาในบ้านได้มากที่สุด บ้านนี้มีเพื่อนสถาปนิก (คุณชาญ สิบปะศาสตรา) ช่วยออกแบบ เป็นบ้านสองชั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ดูโมเดิร์นแต่ไม่โดดเด่นขัดตากับธรรมชาติโดยรอบ ภายนอกบ้านคุณเสงี่ยมเลือกใช้โทนสีเทาอมเขียวเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เช่น ป่าไผ่ ทุ่งหญ้า ท้องฟ้า ไร่สับปะรด 4 ทิศ ผนังบ้านบางส่วนเป็นปูนเปลือยผสมสีฝุ่นให้สีออกเทาดำ ชั้นสองของบ้านทำเป็นแกลเลอรี่ห้องใหญ่ มีเพดานสูง ล้อมรอบด้วยหน้าต่างและบานประตู ซึ่งเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน ส่องภาพเขียนให้เห็นสีและฝีแปรงสดใส
“แรกๆไฟฟ้าและน้ำประปายังเข้าไม่ถึง ต้องไปขนน้ำจากบ้านเพื่อนใกล้ๆ พองานโครงสร้างเสร็จเริ่มฉาบผนัง (ปูนเปลือย) กัน ถึงได้ต่อน้ำประปาเข้ามาใช้ ช่วงทำบ้านไม่ได้เขียนรูป ลุ้นทำบ้านและช่วยช่างก่อสร้างด้วย ก็สนุกดีครับ”
บ้านนี้ใช้เวลาสร้างหนึ่งปีจึงเสร็จสมบูรณ์ เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นเจ้าของบ้านลงมือทำเอง เช่น โต๊ะกลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง (ใต้แกลเลอรี่) ซึ่งต่อไปมีโครงการจะขยายแกลเลอรี่ลงไปชั้นล่างด้วย เพราะรูปภาพของคุณเสงี่ยมมีหลายรูปที่มีขนาดใหญ่มากและติดเต็มแกลเลอรี่ชั้นบนแล้ว เขาบอกว่ารูปขนาด 1X1.50 เมตร ใช้เวลาวาดประมาณ 5-7 วัน เก็บบรรยากาศสดๆ และวาดอย่างฉับไว บ้านหลังนี้จึงมีลูกค้ามาเยี่ยมเยือนกันบ่อยๆ บางรายก็แลกภาพกับเปียโนไฟฟ้า ซึ่งคุณเสงี่ยมกับภรรยา (คุณนิสากร) ก็ส่งลูกสาววัย 7 ขวบ ด.ญ.ชมพูฟ้า หรือ “น้องชมฟ้า” ไปเรียนเปียโน และได้เล่นคอนเสิร์ตกับทางโรงเรียนด้วย
หน้าบ้านมีระเบียงที่ต่อกับมุมแพนทรี่ จัดวางกี๋ดินเผา 5 ตัวดูน่านั่ง เป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่จากศิลปินเซรามิกชื่อดัง อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ แห่งดอยดินแดง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน (อาจารย์สมลักษณ์เป็นผู้แนะนำให้ผู้เขียนรู้จักคุณเสงี่ยมและพามาดูบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง) สำหรับในห้องน้ำก็มีโถสุขภัณฑ์ชายแบบเก๋ๆจากดอยดินแดงเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นชิ้นงานปราบเซียน เพราะเซรามิกชิ้นใหญ่ๆทำยากมาก อาจมีการแตกร้าวในขั้นตอนการทำได้ง่าย และงานของดอยดินแดงยังปั้นด้วยมือทุกชิ้น จึงเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงของชาวเชียงราย
เนื่องจากพื้นที่ 10 ไร่แห่งนี้มีความเป็นธรรมชาติแบบท้องทุ่งมาก ห้องครัวจึงแยกเป็นสัดส่วนจากบ้านใหญ่ ออกแบบให้มีร่องน้ำซึ่งหล่อด้วยซีเมนต์ล้อมรอบ ภายในเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้กินลูกน้ำด้วย เป็นไอเดียที่มีประโยชน์และน่ารักดี
“บ้านหลังนี้ไม่ติดม่าน และความที่หันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือทำให้ร่มรื่น หน้าร้อนก็มีลมพัดโกรกสบาย ประตูทำเป็นบานเลื่อน จะออกไปไหนก็เลื่อนประตูไม้ปิดสะดวกดี ชั้นบนมีสามห้องนอน ห้องหนึ่งสำหรับรับแขก อีกสองห้องของพ่อ-แม่ที่เชื่อมกับห้องลูก”
นอกจากความเพลิดเพลินที่ได้จากเสียงเปียโนของน้องชมฟ้าแล้ว ยังมีเสียงคึกคักจากสุนัขหลังอาน ตัวผู้ชื่อ “แวนโก๊ะ” ตัวเมียชื่อ “คริสติน” และลูกๆอีก 2 ตัวที่เก็บไว้จาก 8 ตัวของครอกนี้ น้องชมฟ้าตั้งชื่อว่า “แชมป์” กับ “ไมโล” ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคงตั้งชื่อตามศิลปินดังๆที่ชื่นชอบอีกเป็นแน่
เรื่อง : “มัญชุสา”
ภาพ : ชัยพฤกษ์ โพธิ์แดง