วิธีล้างแอร์แบบมืออาชีพ ช่วยประหยัดไฟและลดฝุ่นในบ้าน
การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดค่าไฟ และดีต่อสุขภาพเราด้วย แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าช่างใช้ วิธีล้างแอร์ ที่ถูกต้อง?
การตรวจเช็กสภาพเครื่องปรับอากาศครั้งใหญ่ควรทำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยให้ช่างผู้ชำนาญทำความสะอาดทั้งคอยล์เย็นที่อยู่ภายในห้องและคอยล์ร้อนที่อยู่ภายนอกห้อง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศให้ยาวนานยิ่งขึ้น วิธีล้างแอร์
ครั้งนี้เรามี Checklist 15 ขั้นตอน วิธีล้างแอร์ สำหรับตัวช่วยที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า เมื่อเรียกช่างมาล้างแอร์ที่บ้าน นอกจากจะเย็นแล้ว แอร์ยังสะอาดและประหยัดไฟด้วย วิธีล้างแอร์ แบบมืออาชีพ
Checklist 15 ขั้นตอนการล้างแอร์แบบมืออาชีพ
- ถอดฝาครอบหรือหน้ากากแอร์ออกมา เพื่อล้างทำความสะอาดแผงคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) ด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง โดยช่างจะใช้แผ่นพลาสติกคลุมตัวเครื่อง เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นโดนพื้นและผนังบ้าน
- ล้างทำความสะอาดแผ่นฟิลเตอร์ และแผ่นฟอกอากาศ
- ล้างทำความสะอาดพัดลมกรงกระรอกที่อยู่ตรงบริเวณด้านหลังแผ่นฟอกอากาศ
- จากนั้นใช้เครื่องเป่าลม มาเป่าไล่ความชื้นของชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ
- ตรวจสอบอุณหภูมิความเย็น (ยังไม่ใส่หน้ากากแอร์กลับเข้าไป)
- ดูดและเป่าทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งที่ต่อจากแอร์สู่ภายนอกเพื่อป้องกันการอุดตัน
- ล้างทำความสะอาดหน้ากากและตัวเครื่องแล้วประกอบกลับที่เดิม
- ตรวจสอบแผงควบคุม และการทำงานของเครื่องด้วยการทดลองกดรีโมตคำสั่งต่างๆ และปิดเครื่องอีกครั้ง
- ล้างทำความสะอาดคอยล์ร้อน(Condensing Unit) ที่อยู่ภายนอกห้อง
- ตรวจวัดค่าแรงดัน (Volt)
- ตรวจวัดค่ากระแส (Amp)
- ตรวจวัดปริมาณน้ำยาแอร์ว่ามีน้ำยารั่วไหลออกจากระบบหรือไม่ (ถ้าก่อนล้างแอร์ยังเย็นดีอยู่ ก็ไม่ต้องเช็กน้ำยา)
- ตรวจสอบสายกราวด์เพื่อป้องกันไฟดูด
- ตรวจเช็กจุดต่อสายไฟต่างๆ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
- อาจลงน้ำยาเคลือบพื้นผิวตัวเครื่องเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ พร้อมทำความสะอาดหน้างานให้เรียบร้อย
TIPS
ภายหลังทำตาม วิธีล้างแอร์ ขั้นต้น ซึ่งบ่อยครั้งมักเกิดน้ำหยดหรือรั่วออกมาจากแผงคอยล์เย็น เพราะช่างอาจหลงลืมการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ทำให้เกิดความเสียหายได้หรือเกิดเสียงจากการสั่นของแอร์ เนื่องมาจากการประกอบชิ้นส่วนไม่ดี ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กให้แน่ใจก่อนช่างจะจากไป (กลับบ้าน) นะครับ