บ้านเก่าต่อเติมใหม่ ตกแต่งด้วยข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผสมผสานทั้งเก่าและใหม่อย่างกลมกลืน
บรรยากาศของครอบครัวที่ไม่ได้มีเพียงแค่พ่อ แม่ ลูก แต่ยังรวมไปถึงปู่ย่าหรือตายาย ฟังดูแล้วอาจมีความวุ่นวายของคนต่างวัยอยู่สักหน่อย แต่เชื่อว่าลึกลงไปกว่านั้นคือความเชื่อมโยงทางมนุษยสัมพันธ์และความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยด้านจิตใจจากครอบครัวขยายแบบไทยๆ ใน บ้านเก่าต่อเติมใหม่ หลังนี้
เหมือนกับที่เราสัมผัสได้จาก ครอบครัวทิพย์สุข ซึ่งไม่ได้มีเพียงการอยู่อาศัยของคนต่างวัยร่วมชายคาเดียวกันเท่านั้น แต่ยังมาจากข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดย คุณชินดิส ทิพย์สุข เลือกเก็บไว้ในโกดังส่วนตัว ก่อนจะนำออกมาจัดแต่งบ้านหลังนี้ด้วยแนวทางผสมผสานทั้งเก่าและใหม่อย่างกลมกลืน
“เมื่อก่อนผมซื้อบ้านหลังนี้ไว้เก็บของอย่างเดียวเลย จนมีลูกคนที่สองทำให้อยากได้บ้านที่กว้างขึ้น เลยย้ายกันมาอยู่ที่นี่ อยู่ไปแต่งไป ค่อยๆ ปรับปรุงบ้านไปทีละส่วน เริ่มจากขยายพื้นที่ด้านหน้าออกไปจนเกือบสุดรั้ว และขยายครัวด้านหลังให้กว้างขึ้น เปลี่ยนโรงจอดรถเดิมให้กลายเป็นพื้นที่ในบ้าน แล้วก็เติมสตูดิโอทำงานไว้ข้างๆ โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายในบ้านขนาดชั้นเดียว เพราะเมื่อก่อนเราเคยอยู่บ้านตึกแถว แล้วรู้สึกว่าพื้นที่แนวตั้งมันทำให้สมาชิกในครอบครัวไม่ค่อยได้เจอกัน ทุกคนใช้เวลาอยู่ชั้นใครชั้นมัน ดังนั้นผมจึงเลือกซื้อบ้านชั้นเดียว เพื่อให้ทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน และมองเห็นกันแบบนี้ดีกว่า”
จากการขยับขยายพื้นที่จนเกือบเต็ม 105 ตารางวา ทำให้เขาได้บ้านขนาดพื้นที่ใช้สอยราว 300 ตารางเมตร มีฟังก์ชันใช้งานครบทุกมุม คุณชินดิสถือเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการอีเว้นต์มานานกว่ายี่สิบปี ก่อนจะมาเป็น Brand Stylist ผู้สร้างแบรนด์เพลินวาน หัวหิน และ Mansion 7 เขาได้ลงมือจัดแต่งและกำหนดฟังก์ชันของทุกมุมด้วยตัวเองทั้งหมด
ด้วยการเปิดโล่งของพื้นที่จากหน้าบ้านเข้ามาสู่ภายใน รวมถึงมีช่องทางเข้า-ออกหลายทาง ทำให้แม้จะจัดวางข้าวของมากชิ้น แต่ก็ยังรู้สึกเย็นสบายจากลมธรรมชาติที่พัดผ่านทุกมุมแบบไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะพื้นที่กลางบ้านซึ่งมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และครัวเพื่อให้สมาชิกทุกคนในบ้านมาใช้สอยร่วมกันสังสรรค์และฟังเรื่องราวมากมายที่เล่าขานผ่านเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเก่าของคุณตาคุณยาย ราวกับบันทึกความทรงจำดีๆ ที่ส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลาน
คุณชินดิสยังต่อเติมโกดังเก็บของด้านซ้ายสุดจากภายในบ้านให้กลายเป็นสตูดิโอทำงานแบบดูเพล็กซ์ซึ่งมีชั้นลอยสำหรับนั่งหรือนอนเล่นได้ ส่วนชั้นล่างจัดวางโต๊ะอเนกประสงค์ขนาดยาว ตกแต่งรายล้อมไปด้วยของเก่าที่เก็บสะสมไว้ โดยใช้ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นแยกจากโถงจอดรถกลางบ้านซึ่งเปลี่บนให้เป็นมุมนั่งเล่นในบ้านด้วยการต่อผนังกั้นและตกแต่งด้วยโซฟาที่ขอซื้อมาจากร้านเก่าใน Mansion7 พร้อมกับบานประตูเมทัลชีทที่คุณชินดิสต่อเติมเองให้สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้เมื่อต้องการนำรถเข้ามาจอด
ขณะที่มุมขวาสุดจากภายในบ้าน เป็นสวนที่จัดแต่งอย่างร่มรื่นโดยฝีมือภรรยา คุณศศิญา ซึ่งคุณย่าที่อยู่ในห้องนอนฝั่งนี้สามารถออกมาใช้งานร่วมได้สะดวกแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำที่คุณชินดิสตั้งใจทำไว้ให้ภรรยาและลูกๆ ได้เล่นอย่างสนุก
“การได้อยู่บ้านที่มีพ่อแม่เราอยู่ด้วยพร้อมกับลูกๆ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมาก ยิ่งได้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ตกทอดจากพ่อแม่ซึ่งเขาเก็บไว้อย่างดี เรายิ่งรู้สึกผูกพัน อยู่ในบรรยากาศที่มีเรื่องราวความหลังผสมผสาน กลายเป็นเรื่องราวที่บอกต่อให้ลูกๆ ได้ฟัง ซึ่งของพวกนี้ก็จะกลายเป็นของพวกเขาต่อไปครับ”
เจ้าของ-ออกแบบ : คุณชินดิสและคุณศศิญา ทิพย์สุข
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล
สไตล์: นภิษฐา พงษ์ประสิทธิ์