ออนปังตามติด “โฮมสไตลิสต์” ผู้เนรมิตบ้านสวยเป๊ะปัง
โฮมสไตลิสต์ (Home Stylist) อาชีพที่สร้างสรรค์ไอเดียเพื่อการออกแบบตกแต่งภายในบ้าน อาชีพนี้ต้องอาศัยพรสวรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ บวกกับประสบการณ์การทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึงการค้นคว้าหาความรู้อัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดเวลา จนนำไปสู่การเลือกสรรที่ดีที่สุดเพื่อสร้างรูปแบบการจัดวางและการทำองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบให้กับบ้าน
หลายคนอาจมีคำถามว่าอาชีพ Home Stylist(โฮมสไตลิสต์) ต่างจาก Architecter (สถาปนิก) และ Interior Designer (นักออกแบบตกแต่งภายใน) อย่างไร
สถาปนิก คือ อาชีพที่ออกแบบโครงสร้างหลักให้กับบ้าน วางระบบต่างๆ ทั้งหมดของบ้านโดยจะต้องเข้าใจในมาตรฐานการก่อสร้างอาคารคำนวณค่าทางวิศวกรรม มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม
นักออกแบบตกแต่งภายใน คือ อาชีพที่ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการออกแบบสัดส่วนภายในบ้านให้เกิดความเหมาะสมและสวยงาม เลือกใช้วัสดุต่างๆ ตามคุณสมบัติการใช้งานก่อเกิดเป็นรูปร่าง พื้น ผนัง เพดาน ทั้งสามมิติ
โฮมสไตลิสต์ คือ อาชีพที่จะมาตกแต่งบ้าน เพิ่มเฟอร์นิเจอร์และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้บ้านมีความสวยงามและสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
วันนี้ออนปังจะขออาสาพาผู้อ่าน my home ทุกท่าน ตามติดการทำงานของโฮมสไตลิสต์กันว่ากว่าจะได้บ้านสวยเป๊ะปัง เขาต้องทำอะไรกันบ้าง งานนี้เราโชคดีมากได้สองสาวอารมณ์ดี ดีกรีปริญญาตรีคณะสถาปัตยกรรมออกแบบตกแต่งภายในจาก บริษัท 8 INTERIOR ARCHITECT คุณแคท-ภควดี พะหุโล และ คุณตุ๊กตา-เตภิตา เสือหัน มาเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ออนปังและคุณผู้อ่านไปพร้อมกันเลยค่ะ
Before โจทย์ของเราในวันนี้เป็นห้องตัวอย่างของคอนโดพื้นที่ 56.76 ตารางเมตร เมื่อเราได้รับงานมาว่าคอนเซ็ปต์ที่ลูกค้าต้องการเป็นแบบไหน เราก็เริ่มด้วยการออกแบบห้องให้เข้ากับคอนเซ็ปต์และงบประมาณของเจ้าของบ้าน
คุณแคท ออกแบบการตกแต่งห้องนี้ให้เป็นสไตล์ Industrial โชว์เนื้อวัสดุเท่ห์ๆ คุณแคทบอกกับเราว่าการออกแบบสไตล์ของคุณแคทนั้นจะไม่ได้หวือหวา หรือสีสันฉูดฉาดจนเกินไป แต่มองว่าต้องแต่งบ้านให้เจ้าของบ้านสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ได้จริงและสวยไม่ตกเทรนด์ นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ลูกค้ามีอยู่ก่อนหน้าแล้ว เช่น โต๊ะกินข้าว โซฟา เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า เราต้องออกแบบห้องให้มีสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ด้วย เฟอร์นิเจอร์เก่าในห้องใหม่ถือเป็นการท้าทายความสามารถของโฮมสไตลิสต์เลยทีเดียว เพราะในบางครั้งเฟอร์นิเจอร์อาจมีรูปร่างที่หลากหลายแต่เราต้องทำให้ทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัว
หลังจากนั้นก็ออกไปเลือกหาของตกแต่งต่างๆ ของทุกชิ้นที่เข้ามาอยู่ในบ้านของลูกค้าจะต้องผ่านตาผ่านมือของคุณแคททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน หมอน กรอบรูป โคมไฟ วอลเปเปอร์ พรม จานชาม ช้อนซ้อม ผ้าเช็ดตัว แม้กระทั่งถังขยะ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ในรายการที่เราต้องซื้อให้เขา แต่เป็นการบริการพิเศษ รายละเอียดเล็กๆ ที่เราอยากสร้างความสุขให้กับลูกค้า
เนื่องจากงานนี้มีเวลาในการหาของตกแต่งน้อย คุณแคทจึงเลือกไปช้อปปิ้งของตกแต่งจาก ร้าน YFACTORY เรียกได้ว่ามาร้านนี้ร้านเดียวได้ของตกแต่งบ้านเกือบครบทุกรายการ คุณแคทบอกเราว่าความสนุกของร้านนี้ อยู่ตรงการจัดวางสินค้าภายในร้าน เรียกได้ว่าวางของทุกตารางนิ้ว ให้เราต้องใช้สายตาจิกเข้าไปหาของที่ใช่ออกมา
เมื่อเตรียมของทุกอย่างครบแล้วเราก็นำมาจัดวางภายในห้อง ตกแต่งให้สวยงามน่าอยู่ เพิ่มชีวิตชีวาด้วยการจัดดอกไม้สไตล์ Filler Flowers ใส่ในแจกันเซรามิครูปทรงเรขาคณิต
TIP
ลักษณะของดอกไม้ มีด้วยกัน 4 ประเภท
1. ดอกไม้เป็นช่อเป็นแนว (Line Flower) คือ ดอกไม้ซึ่งเป็นดอกหรือกลุ่มช่อดอกที่เรียงขึ้นไปตามความยาวของก้านดอก มักจะมีรูปทรงที่ดูเป็นเส้นแนว
2. ดอกไม้กลีบซ้อน (Mass Flower) คือ ดอกไม้ดอกเดี่ยวที่มีกลีบดอกมากและดูมีน้ำหนัก สามารถจัดวางเพื่อสร้างสมดุลให้น้ำหนักสายตา
3. ดอกไม้ที่มีรูปทรงเด่นชัด (Form Flower) คือ ดอกไม้ที่มีกลับไม่มาก แต่เห็นรูปทรงเด่นชัด
4. ดอกไม้แต่งเติม (Filler Flower) คือ ดอกไม้กลีบที่มีรูปลักษณะเป็นดอกเล็กๆ จัดรวมกันเป็นช่อ
ใส่ใจในการเรียงหมอนที่มีมากมาย ด้วยการเรียงหมอนใบใหญ่ไว้ด้านหลังไล่มาจนถึงใบเล็กสุดด้านหน้า แทนที่การกองหรือวางซ้อนทับกันอย่างเคย เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทำให้เตียงนอนดูพิเศษมีมิติยิ่งขึ้น เอกลักษณ์การแต่งห้องของคุณแคท คือการแขวนของตกแต่งบนผนังห้อง ช่วยให้ผนังห้องโดดเด่นสะดุดตา
เทคนิคในการวางของตกแต่งของ คุณแคท คือ การเรียงของจากชิ้นใหญ่เป็นหลักและค่อยๆ นำชิ้นอื่นๆ มาจัดเรียงต่อกันให้ได้ระยะที่เหมาะสม
การติดวอลเปเปอร์ลายอิฐบนผนังถือว่าใช้ได้กับทุกมุมของบ้านสไตล์ Industrial อีกทั้งช่วยเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้เป็นอย่างดี และเลือกใช้สีขาวในกำแพงด้านที่เหลือช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น
นอกจากนี้การวางโซฟาขยับออกจากมุมหรือผนังห้องเพื่อให้มีช่องว่างสำหรับทางเดิน จะทำให้ห้องดูมีพื้นที่เพิ่มขึ้นและเสริมด้วยการปูพรมขนาดใหญ่ สามารถหลอกสายตาให้ห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย และยังช่วยแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนอีกด้วย
แม้ว่ามุมทานข้าวของเราจะเล็ก แต่เราเลือกออกแบบให้จิ๋วแต่แจ๋ว ด้วยการวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดกระทัดรัด เช่น เลือกเก้าอี้แบบไม่มีที่วางแขนทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง และเลือกโคมไฟห้อยเพดาน
ติดวอลเปเปอร์ลวดลายผนังปูนและโคมไฟตัวอักษรลายสนิมที่หัวเตียงเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Industrial เตียงนอนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่มองเห็นได้ชัด ควรเลือกเครื่องนอนบนเตียงให้มีความหลากหลายทั้งเนื้อผ้า ขนาดและสีสัน หรือการเลือกผ้าคลุมเตียง ผ้าคาดเตียงอย่างมีสไตล์ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องนอนดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าห้องของคุณจะเลือกใช้สีอะไรก็ตาม ให้ใส่ค่าน้ำหนักของสีดำในของตกแต่งลงไป 3-5 %จะช่วยทำให้ห้องของคุณสวยดูลงตัวได้ดีทีเดียว
ขอบคุณ
คุณแคท-ภควดี พะหุโล และ คุณตุ๊กตา-เตภิตา เสือหัน
สไตลิสจากบริษัท 8 INTERIOR ARCHITECT
www.facebook.com/8InteriorArchitect
สถานที่ห้องตัวอย่าง THE VIVA condo (PETCHKASEM 68)
TEL. 02-454-2588-9
FAX. 02-454-2587
www.thevivacondo.com
ร้าน YFACTORY
YELLOW FACTORY CO.,LTD.
680/1 praditmanutham road, wangtonglang, Bangkok
TEL 02-538-3354
Story : อรพรรณ วัจนะเสถียรกุล
Photo : ศุภวรรณ สอาด