ประตูหน้าต่างเป็นส่วนประกอบของบ้านที่อาจสร้างปัญหากวนใจไม่รู้จบ เพราะใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นประกอบกัน จึงมีรอยต่อมากซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่น้ำอาจรั่วซึมเข้ามาได้ อีกทั้งประตูหน้าต่างเป็นส่วนที่มีการเปิดปิดเสมอ อุปกรณ์ต่างๆ จึงมักชำรุดเสียหายบ่อย รวมถึงการเสื่อมสภาพของวัสดุที่ใช้ผลิตประตูหน้าต่าง
ซึ่งทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากการใช้ประตูหน้าต่างไม่ได้มาตรฐาน เรามาดู 4 ปัญหาที่มักเจอจนกลายเป็นเรื่องยุ่งไม่รู้จบกัน
1. สีซีด
สภาพอากาศอย่างประเทศไทยที่แดดแรง ร้อนจัดและมีความชื้นสูง มักทำให้ประตูหน้าต่างเกิดปัญหาสีซีดจางหรือลอกล่อนได้โดยเฉพาะประตูหน้าต่างไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ เมื่อน้ำมันในเนื้อไม้ระเหยออกไปและน้ำยาเคลือบเสื่อมคุณภาพลงก็จะทำให้ดูเก่า เกิดราดำ และหากไม่รีบซ่อมแซมก็จะผุพังเร็ว หรือการใช้วัสดุประตูหน้าต่างที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่างอะลูมิเนียมที่อบสีไม่ดี หรือไวนิลคุณภาพต่ำ อาจสังเกตได้จากเนื้อไวนิลมีฟองอากาศหรือรอยเส้นเล็กๆ เนื้อบาง หรือไม่ได้เสริมสารป้องกันรังสียูวีและสารป้องกันคราบดำก็ทำให้ประตูหน้าต่างสีซีดเร็วและเสียหายได้ง่ายซึ่งยากต่อการซ่อมแซมภายหลัง
2. น้ำรั่วซึม
จุดด้อยของประตูหน้าต่างทั่วไปที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมคือ บริเวณรอยต่อต่างๆ เช่น รอบวงกบที่ต่อกับผนังบ้าน รอยต่อมุมวงกบและกรอบบาน ถ้าช่างติดตั้งงานไม่ได้มาตรฐาน ติดชิ้นงานเข้ามุมไม่พอดีกัน ยาแนวไม่เรียบร้อย ใช้วัสดุยาแนวคุณภาพต่ำ หรือวัสดุมีการหดตัวจนเกิดช่องว่าง ก็ทำให้น้ำสามารถซึมผ่านเข้ามาในบ้านได้จนเกิดความเสียหายตามมา เช่น สีทาผนังพอง เป็นคราบน้ำ พื้นบวม จึงควรตรวจสอบรอยต่อต่างๆ หลังติดตั้งประตูหน้าต่างให้ละเอียด อาจทดสอบด้วยการฉีดน้ำ และตรวจสอบยาแนวทุกปีโดยเฉพาะก่อนเข้าหน้าฝนก็ช่วยป้องกันเรื่องยุ่งๆที่จะตามมาได้
3. บานปิดไม่สนิท
ประตูหน้าต่างไม้เมื่อโดนความร้อนและความชื้นบ่อยๆ จะเกิดการหดและขยายตัวทำให้ไม้แตก บิด พองจนเสียรูปทรง และปิดไม่สนิทดังเดิม เป็นสาเหตุให้มีแมลง ฝุ่นและเสียงเข้ามาในบ้าน หรืออาจเกิดจากอุปกรณ์รับน้ำหนักอย่าง บานพับ รางแขวนชำรุด จนเกิดอาการ “ประตูตก” ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการไสแต่งเนื้อไม้ส่วนที่พองออก อุดร่องที่แตก พร้อมทั้งขัดแต่ง ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือทาสีใหม่ เพื่อช่วยป้องกันเนื้อไม้จากสภาวะอากาศ และเปลี่ยนอุปกรณ์รับน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน ประตูหน้าต่างก็จะกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม
