นอกจากสวนภายนอกอาคารแล้ว งานนี้ยังมีการจัดแสดงดอกไม้และพรรณไม้ภายในอาคารในโซน The Great Pavilion อาคารขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางพื้นที่จัดงาน ภายในมีการจัดแสดงดอกไม้และพรรณไม้จากเนิร์สเซอรี่ต้นไม้ชั้นนำจากทั่วโลก และสวนในอาคารประเภทต่างๆ อาทิ RHS Environment สวนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ จัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์การใช้ชีวิตในเมือง เน้นประโยชน์ที่ได้รับจากความแตกต่างของสภาพแวดล้อมรอบตัว Generation Gardens สวนขนาดเล็ก 4 สวน ที่เรียกรอยยิ้มจากผู้ผ่านไปมาได้ไม่น้อย เพราะเป็นฝีมือการจัดของเด็กๆตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมที่โชว์ไอเดียจัดสวนน่ารักๆ และประเภทสุดท้ายคือ Artisan Gardens เป็นโซนที่แสดงการจัดสวนภายใต้คอนเซ็ปต์น่าสนใจ มีเอกลักษณ์ และสร้างความน่าสนใจให้ผู้เข้าชมงานได้ไม่น้อย ซึ่งสวนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในประเภทนี้คือ “Satoyama Life” สวนที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของสวนญี่ปุ่นมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ทั้งการเลือกวางองค์ประกอบสวน การใช้มอสส์ และกระท่อมแบบชนบทที่ดูอบอุ่นน่าใช้งาน
ตลอดระยะเวลาสองวันของการเดินชมงานนี้ทำให้เราพอจะจับกระแสเทรนด์สวนได้หลายอย่าง อาทิ การดึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมในชนชาติมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบ โดยเฉพาะสวนญี่ปุ่น ซึ่งมีเสียงตอบรับที่แรงทีเดียว การนำน้ำมาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบสวน การใช้พรรณไม้โทนสีสว่างแต่ไม่จัดจ้าจนเกินไป หรือการเลือกใช้สีสันที่เจือด้วยสีขาวของโทนสีพาสเทล นอกจากนี้การเลือกใช้องค์ประกอบสวนประเภทผนังหรือกำแพงประดับก็ได้รับความนิยมไม่น้อย การออกแบบที่บิดแนวแกนเพื่อสร้างจุดเด่นให้พื้นที่ การโชว์พื้นผิวของวัสดุธรรมชาติ ทั้งลายไม้ สนิมเหล็ก และผิวสัมผัสของก้อนหิน รวมถึงการจัดสวนด้วยพืชผักสวนครัวที่นอกจากสวยงามแล้ว ยังให้ประโยชน์อีกด้วย
บอกได้คำเดียวว่าเป็นงานที่เดินดูได้ไม่มีเบื่อ แต่ละโซนล้วนน่าสนใจ และทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งสอดแทรกไอเดียต่างๆให้นำไปประยุกต์ใช้ได้ ถือเป็นงานที่คนรักสวนมาเดินแล้วคุ้มค่าจริงๆ ใครอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองในปีหน้า ก็อยากแนะนำว่าควรรีบจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้า เพราะงานนี้ได้รับความสนใจจากคนรักสวนทั่วโลกจริงๆ
เรื่อง : “อรรถ”
ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย
