เมื่อเราถามถึงชานระเบียงที่เปิดโล่งอย่างเด่นชัดของบ้านหลังนี้ คุณกึ๋นเล่าให้ฟังว่า “ครั้งแรกที่มาพูดคุยกับคุณเฟิร์นที่หน้างานจริง ตอนนั้นก็มีศาลาริมน้ำอยู่แล้ว เรารู้สึกประทับใจกับทั้งวิวและบรรยากาศ จึงอยากออกแบบบ้านที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวได้ออกมารับบรรยากาศดีๆเช่นนี้ มากกว่าจะนั่งอุดอู้อยู่เพียงแต่ในห้องอย่างเดียว”
บ้านหลังนี้จึงมีชานระเบียงอยู่ตลอดทั้งบ้าน ทำหน้าที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนตัวและส่วนต่างๆของบ้านเข้าหากัน และยังเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับนั่งเล่น กินข้าว ปลูกต้นไม้ และอื่นๆอีกมากมาย
“เราได้ไอเดียมาจากบ้านไทยที่มีชาน ระเบียง และใต้ถุนบ้าน แต่นำมาออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นพร้อมเติมหลังคาผืนใหญ่ ทำให้แต่ละชานไม่ต้องมีหลังคาของตัวเอง แต่ก็ยังได้ร่มเงาคุ้มแดดคุ้มฝน และยังดูโปร่งอีกด้วย”
ในขณะที่บ้านหลังนี้เปิดรับวิวและบรรยากาศริมคลองอย่างเต็มที่ แต่ก็คำนึงถึงผลกระทบต่อบริบทโดยรอบอีกด้วย
“เราคิดว่าบ้านเก่าและโกดังเก่ารอบๆก็สวยอยู่แล้ว ภาพเมืองแถวนี้มีบรรยากาศบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ จึงคุยกับคุณเฟิร์นว่าเราจะไม่ทำบ้านที่เด่นจนแตกต่างไปจากบริบทรอบๆ วัสดุ สีสัน และลักษณะของบ้านจึงเป็นการหยิบยืมเอาบรรยากาศรอบๆมาใช้ อย่างปูนเปลือยก็เข้ากันได้ดีกับตึกที่เป็นปูนเก่า หรือสีของไม้ก็มีความรัสติกคล้ายหลังคาสังกะสีของโกดังฝั่งตรงข้าม ถือเป็นเรื่องดีที่จะเก็บลักษณะเฉพาะในพื้นที่ให้ยังคงอยู่และส่งเสริมซึ่งกันและกัน”
คุณเฟิร์นกล่าวเสริมอีกว่า “เราจะอยู่บ้านฝั่งนี้กับพ่อและแม่ ส่วนฟางก็แยกไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวเขา แต่เรายังมีระเบียงที่เชื่อมต่อกันอยู่ มีชานที่ใหญ่พอจะมากินข้าวร่วมกัน แม้ว่าแต่ละคนจะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่ด้วยการเชื่อมโยงพื้นที่เหล่านี้เข้าด้วยกัน เราจึงยังมีสิ่งที่เป็นกิจวัตรดีๆร่วมกันในบ้านหลังนี้”
บ้านทั้งสองฝั่งมีลักษณะเหมือนอาคารสองหลังที่ยึดโยงกันไว้ด้วยหลังคาและชานระเบียง เกิดเป็นจังหวะสลับกันไป ดูไม่ทึบตันและใหญ่โตจนเกินเหตุ พื้นที่เหล่านี้ยังปล่อยให้ลมเย็นๆสามารถไหลผ่านจากคลองสู่ทุกพื้นที่ในบ้านได้สะดวกอีกด้วย ด้วยจังหวะที่พอดีและบรรยากาศริมคลอง ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่เข้ากันได้ดีกับบริบทของเมืองเก่าแถบฝั่งธนบุรี จึงทำให้บ้านริมคลองหลังนี้มีความสวยงามอย่างลงตัว
เจ้าของ : ครอบครัวหน่อชูเวช
เรื่อง: “วุฒิกร สุทธิอาภา”
ภาพ: ศุภกร ศรีสกุล
สไตล์: วนัสนันท์ ธีรวิฑูร
