ทำเลเป็นหนึ่งในข้อสำคัญของการตั้งร้านกาแฟ รวมถึงลักษณะของทรัพย์ที่จะนำมารีโนเวทเช่นกัน ในคอลัมน์นี้จะพูดถึงหลักการคร่าวๆ สำหรับการเลือกทำเลสำหรับเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ และครั้งนี้ บ้านและสวนเลือก “ทรัพย์มือสอง” ของ SAM มาใส่ไอเดียออกแบบเป็นร้านกาแฟที่น่าสนใจให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ร้านกาแฟ” หรือ “Cafe” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ และในปัจจุบันได้ขยายตัวขึ้นเกือบ 20% เลยทีเดียว การเปิดร้านกาแฟนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่จะต้องคำนึงนั้นก็ประกอบด้วยสามส่วนหลักๆ คือ “ความเข้าใจในทำเล“ “ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า” และ “ความเข้าใจในกาแฟ” หากตอบโจทย์ทั้งสามข้อนี้ได้แล้ว การจะเป็นร้านกาแฟที่ดีนั้นก็คงอยู่ไม่ไกลเกินฝัน เพราะบางร้านที่เน้นการออกแบบตกแต่งและนำเสนอความแปลกใหม่มากเกินไป อาจจะขายดีอยู่ได้เพียงเดือนหรือสองเดือนแรก แต่ประเด็นสำคัญคือ การจะกลายเป็น “ร้านประจำ”ของคนในพื้นที่หรือแขกขาจรได้ต่างหาก ที่จะดำเนินธุรกิจไปได้ยาวนาน สามารถคืนทุนและทำกำไรได้ในท้ายที่สุด
ทำเล ลูกค้า และกาแฟที่โดนใจ
ก่อนอื่นเลยเราคงต้องมานั่
ตัวอย่างดีไซน์ ร้านกาแฟร่วมสมัยในเมืองเก่าย่านไชน่าทาวน์
เราลองเลือก อาคารพาณิชย์ในทำเลดี เนื้อที่ 23 ตร.ว.บน ถ.เจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ มาออกแบบเป็นร้านกาแฟที่น่าสนใจให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นทำเลน่าสนใจในย่านเมืองเก่า ใกล้ตลาดคลองถม แหล่งค้าขายอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งเปิดทุกวัน และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินสายใหม่เพียง 400 เมตรเท่านั้น ด้วยทำเลนี้จึงเหมาะกับการทำเป็นร้านกาแฟที่รับลูกค้า ทั้งผู้ที่มาจับจ่ายในตลาดคลองถม พ่อค้าแม่ขาย นักท่องเที่ยว และผู้ที่เดินทางสัญจรด้วยรถไฟใต้ดิน
ออกแบบให้ร้านแบ่งเป็นสองประเภทคือ “กาแฟโบราณ” สำหรับลูกค้าในพื้นที่ และกาแฟแบบ “Espresso Bar” สำหรับลูกค้าต่างประเทศและผู้ใช้บริการรถไฟใต้ดิน ซึ่งด้วยการที่พื้นที่ของร้านนั้นติดถนน การที่จะออกแบบให้หน้าร้านดูมีความน่าสนใจ เพื่อให้คนที่ขับรถผ่านจดจำได้ก็เป็นการโฆษณาร้านที่ดีอีกทางหนึ่ง ในส่วนของผังร้านนั้นเราได้แบ่งพื้นที่ตามลักษณะผังอาคารที่ค่อนข้างยาวและลึก ส่วนภายในของร้าน จึงแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนนั่งคอยด้านหน้าติดกับบาร์ของกาแฟโบราณสำหรับผู้ซื้อแบบ Take Away เคาน์เตอร์บาร์สำหรับรอกาแฟหรือผู้ที่มาคนเดียว และส่วนด้านในสำหรับผู้มาเป็นหมู่คณะและต้องการนั่งเล่นชิลๆ นานๆ ได้ มีการตกแต่งให้ดูเข้ากับบรรยากาศ Chinatown ของเมืองกรุงเทพฯ และเน้นที่การทำกาแฟให้ดูสดๆ เข้ากับบรรยากาศแบบเยาวราชที่มีความเป็น Street Food การทำกาแฟแบบที่เรียกว่า “กาแฟโบราณ” นั้นจะกลายเป็นภาพจำที่ทำให้ลูกค้าสามารถถ่ายภาพร้าน รวมถึงบรรยากาศโดยรอบเพื่อนำไปโพสต์บนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของตน เป็นการโฆษณาร้านทางอ้อมเช่นเดียวกัน และในแง่ของผู้สัญจรที่เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสถานี “วัดมังกร” ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จนั้น ก็ยิ่งเป็นการเน้นย้ำภาพจำของร้านที่เป็น “ร้านกาแฟร่วมสมัยในย่านชาวจีนของกรุงเทพฯ” ได้อีกทาง แต่ด้วยการที่ผู้สัญจรนั้นน่าจะมีความเร่งรีบ การมี Espresso Bar ที่สามารถชงกาแฟได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการทำร้านที่สามารถตอบสนองต่อปริมาณลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
ร้านนี้ไม่เน้นที่จอดรถเพราะเพี
เห็นไหมล่ะครับ ว่าแนวทางจะกำหนดกลุ่มลูกค้าและทำเลได้พร้อมๆ กัน จากนั้นก็ลองจินตนาการดูว่าร้านจะดำเนินไปในทางใด แต่สุดท้าย…ประสบการณ์จะบอกได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้า และศักยภาพของเรา เพราะฉะนั้นเริ่มจากเล็กๆ ก่อนก็ได้ครับ เมื่อชำนาญก็ค่อยขยับขยาย เริ่มจากการเข้าไปดูทรัพย์มือสองน่าสนใจในทำเลดีๆ จากเว็บไซต์ www.sam.or.th ก่อนก็ได้ครับ เผื่อจะได้ไอเดียแต่งแต้มเติมฝันให้เป็นรูปเป็นร่างในที่สุด