เปิดประตู อาคาร อีสต์ เอเชียติก สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า ที่น้อยคนจะรู้ว่าภายในมีอะไร
สถาปัตยกรรม กับ งานศิลปะ เหมือนกันตรงที่ ยิ่งนานวันยิ่งสะท้อนคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนรอยทางเดินที่ให้คนรุ่นหลังได้มองย้อนกลับไป เรียนรู้ถึงความเป็นมา เรื่องราว และ ประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นก่อนได้พบประสบเจอ
เฉกเช่นเดียวกับ อาคาร อีสต์ เอเชียติก (East Asiatic) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสถาปัตยกรรมจากยุคฟื้นฟูเรอเนซองส์ (Renaissance revival architecture) ที่ยังคงไว้ซึ่งองค์ประกอบสำคัญ อาทิ มุข หน้าต่างโค้งกลม (Round Arch) ซุ้มประตูและหน้าต่างโค้ง อันเป็นหลักฐานบ่งบอกช่วงเวลาในการก่อสร้างอย่างครบถ้วน ถึงแม้กาลจะล่วงเลยมานานมากกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม นับตั้งแต่ อันนิบาเล ริก็อตติ (Annibale Rigotti) สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนได้ฝากฝังผลงานนี้เอาไว้บนผืนแผ่นดินไทย ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1900 (พ.ศ.2443) โดยห้วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่สถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งเคยรุ่งเรืองอย่างมากในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 เริ่มถูกปลุกให้ตื่นและฟื้นฟูกลับมานิยมอย่างแพร่หลายอีกครานั่นเอง
อาคาร อีสต์ เอเชียติก เป็นอดีตอาคารสำนักงานของ The East Asiatic Company (Thailand) บริษัทด้านการค้าและการส่งออกระหว่างประเทศในระดับแนวหน้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยกัปตัน ฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซ่น (Captain H N Andersen) นักเดินเรือชาวเดนมาร์กที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (หรือ สยามในเวลานั้น) ตั้งแต่ยังหนุ่ม และ ได้เป็นกัปตันเรือหลวงทูลกระหม่อม ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนจะลาออกมาบริหารโรงแรมโอเรียนเต็ลซึ่งเป็นโรงแรมสุดหรูแห่งแรกของประเทศ และ สร้างอาคาร อีสต์ เอเชียติก ขึ้นในเวลาต่อมา
อาคาร อีสต์ เอเชียติก เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่สะท้อนความเบ่งบานสุดขีดของบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าโดยใช้เรือเป็นพาหะนะในช่วงเวลานั้น และ ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นปี พ.ศ.2527 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยมีการปรับปรุงและซ่อมแซมครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2544
ตัวอาคาร ตั้งอยู่ระหว่างโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ เยื้องกับโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ หากสอบถามผู้คนในละแวกนี้ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนและคณาจารย์โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์น่าจะรู้จักดี เพราะประตูเข้า-ออกของโรงเรียนต้องลอดผ่านรอยต่อระหว่างอาคารสองหลังทุกเช้าเย็นเป็นประจำ หรือหากใครสังเกตเวลามีโอกาสนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาแล่นผ่านย่านบางรัก อาจมักคุ้นหรือตั้งคำถามกับอาคารเก่าแก่สีขาวโพลนหลังนี้ว่าแท้จริงแล้วคืออาคารอะไรกันแน่ โรงแรม สำนักงาน หรือเป็นเพียงตึกร้างเก่าๆที่ถูกปล่อยทิ้งว่างไว้ หรือ อย่างไร?
เพื่อให้คลายความสงสัย ทีมงาน baanlaesuan.com ได้ลงพื้นที่ เปิดประตูเข้าไปในอาคารที่แทบไม่เคยจะมีใครได้รับทราบถึงเรื่องราวมนต์ขลังของประวัติศาสตร์ที่อบอวลอยู่ภายในอาคารนี้
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลอาคาร เราทราบมาว่า อาคาร อีสต์ เอเชียติก นั้นไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าไปใช้พื้นที่โดยพละการ นอกเหนือจากการปล่อยเช่าเพื่อการถ่ายทำโฆษณาหรืองานจัดเลี้ยงเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น แต่ในเดือนตุลาคม 2561 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นฤกษ์งามยามดีครั้งแรก ที่สาธารณชนจะได้เข้ามาชมความงดงามที่อยู่ภายในอาคารนี้ เนื่องจากว่า อาคารอีสต์ เอเชียติก เป็น 1 ใน 20 สถานที่จัดงานของเทศกาล ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 (Bangkok Art Biennale 2018) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม 2561 จนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีความงดงามซ่อนอยู่ภายใน กับ ความสุนทรียะ จากผลงานศิลปะของศิลปินระดับโลกจะรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อสร้างประสบการณ์การชมงานศิลป์สุดพิเศษ อย่างที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่นใด
ล่าสุดที่ทีมงานเราลงพื้นที่ พบว่ากระบวนการตระเตรียมพื้นที่ภายในอาคาร อีสต์ เอเชียติก รวมถึงอาคาร OS Building ที่เชื่อมต่ออยู่ด้านหลัง และพื้นที่ข้างเคียงรอบนอก มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการกำหนดจุดติดตั้งผลงานและสร้างผนังเบาขึ้นมาเพื่อกำหนดขอบเขตเป็นแกลเลอรี่แสดงงานของเหล่าศิลปิน
ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจทีมงานเราเป็นพิเศษนั้น คือความงดงามที่ไม่เที่ยงแท้ ไม่สมบูรณ์แบบ อันเป็นเสน่ห์ที่อาคารสร้างใหม่ไม่สามารถเทียบเคียงได้ ภายในอาคารอีสต์ เอเชียติก มีการปรับปรุงใหม่ด้วยซุ้มประตูโค้งจากผนังเบาตลอดแนวผนังชั้น 2 โดยยังคงเปลือยโครงสร้างของคานไม้พาดยาวบนหัวเสาที่รัดด้วยน๊อตและสกรู กอปรกับปล่อยให้เห็นร่องรอยของคราบไครตะไคร่น้ำที่เปรอะเปื้อนผิวผนัง คละเคล้าเศษซากของไม้อัดไม้ท่อนที่กองเกลื่อนกลาด อันเป็นความล่มสลายหลังจากการต่อเติมเพื่อแบ่งขอบเขตพื้นที่ให้อดีตสำนักงานที่ถูกทิ้งร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นสภาพแวดล้อมที่ศิลปินทุกท่านต่างลงความเห็นว่าไม่อยากให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร พวกเขาอยากจะมาแสดงผลงานศิลปะในสถานที่แห่งนี้… อย่างที่มันเป็น
รอยแตกของผนังปูน เนื้ออิฐที่เผยสีสันและตัวตน ต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยเติบโตตามแนวผนังอาคารทั้งภายนอกและภายในบางส่วนที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา ล้วนก่อกำเนิดขึ้นเองตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ เนื่องจากการเสื่อมสภาพตามอายุขัยของวัสดุก่อสร้างอย่างอิฐมอญ ซึ่งมีส่วนผสมของดินเหนียว แกลบ หรือขี้เถ้า อันเป็นแหล่งสะสมสารอาหารหลักของพืชอย่าง NPK หรือ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพรแทสเซียม (K) ผสมรวมกับความชื้นและแสงแดดที่หล่อเลี้ยงพอเหมาะ ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้ต้นไม้บางชนิดสามารถเติบโตและยึดเกราะได้โดยไม่ต้องอาศัยดิน
ความงดงามที่ไม่เที่ยงแท้ดังกล่าว ชวนให้เรานึกถึงแนวคิด วะบิ-ซะบิ (Wabi-Sabi) ริ้วรอยตำหนิอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ความงดงามที่สะท้อนปรัชญาทางพุทธศาสนาแบบเซน (Zen) ที่ยิ่งตอกย้ำให้เรามองเห็นว่าสถาปัตยกรรมยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า ยิ่งเหมาะสำหรับศิลปะที่ต้องการความงดงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ เป็นที่น่าตื่นเต้นว่าศิลปินในเทศกาล บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ แต่ละคนจะมีวิธีสื่อสารหรือนำเสนอการแสดงอย่างไร ให้สอดรับกันอย่างไรกับบริบทของอาคารที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เช่นนี้
” แค่ชั้นวางของธรรมดา
แขวนอยู่ที่มุมห้อง
ทำจากไม้ไผ่ธรรมดา
ทั้งหมดที่เราต้องการในโลกนี้
คือสิ่งที่ธรรมดาเหล่านี้ “
เซน โนะ ริคิว ปรมาจารย์การชงชาของญี่ปุ่น สมัยศตวรรษที่ 16
ท้ายนี้เราขอฝาก ตัวอย่างไลน์อัพศิลปินทั้งไทยและเทศที่จะมาแสดงผลงานที่อาคาร อีสต์ เอเชียติก รวมถึงอาคาร OS Building ในเทศกาลครั้งนี้ อาทิ อี บุล (Lee Bul) ศิลปินหญิงชาวเกาหลีที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับโลกด้านศิลปะการแสดง งานประติมากรรม และศิลปะจัดวาง, เอ็มกรีน แอนด์ แดรกเซท (Elmgreen & Dragset) คู่หูศิลปินร่วมสมัยชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์ที่ไม่ได้เรียนจบด้านศิลปะโดยตรง แต่เป็นเจ้าของผลงานศิลปะจัดวาง ‘Van Gogh’s Ear’ อันโด่งดัง เต้ ปฏิพัทธิ์ ชัยวิเทศ ศิลปินหนุ่มรุ่นใหม่ผู้เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัวอยู่ตลอด แล้วนำกลับมาสร้างสรรค์ผลงานในหลากหลายแขนงทั้งประติมากรรม ศิลปะจัดวาง และสิ่งทอ ซึ่งเผยมาแล้วว่าจะมาแสดงผลงานห้องแล็ปแห่งอนาคตพร้อมหมู่มวลประติมากรรมสัตว์ที่หากินตามลุ่มแม่น้ำ และ แพรว กวิตา วัฒนะชยังกูร อีกหนึ่งศิลปินหญิงน่าจับตามอง ผู้ใช้ร่างกายของตัวเองเป็นตัวแทนของวัตถุแสดงผ่านรูปแบบวิดีโอ อาร์ต ซึ่งจะมาแสดงสดครั้งแรกที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อศิลปะเข้ามาเคาะประตูอาคารอีสต์ เอเชียติก ให้เปิดแง้มสู่สาธารณะในเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 จะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อถึงงานวันจริง เราเองก็คงไม่พลาดมาชมและเก็บภาพกลับมาเล่าให้อ่านอย่างแน่นอน
6 ศิลปินที่ห้ามพลาด ในงาน บางกอก อาร์ต เบียนนา เล่ 2018
เรื่อง นวภัทร
ภาพ ศุภกร ศรีสกุล