บ้านโซวเฮงไถ่ ตำนานบ้านจีนยุคแรกของกรุงเทพฯ
บ้านโซวเฮงไถ่ เป็นบ้านเก่าสถาปัตยกรรมแบบจีน แต่มีใต้ถุนสูงแบบไทย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันมีอายุกว่าสองร้อยปี สร้างบนเนื้อที่ประมาณกว่า 300 ตารางวาในย่านตลาดน้อย เป็นบ้านของคหบดีเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทย โดยต้นตระกูลเป็นนายภาษีอากรรังนก คอยเก็บภาษีให้ทางราชการ และยังมีอาชีพค้าขายทางเรือสำเภาอีกด้วย
บ้านโซวเฮงไถ่
คุณภู่ศักดิ์ โปษยะจินดา หรือ อาจารย์ภู่ ของน้องๆนักเรียนดำน้ำ เป็นทายาทรุ่นที่ 8 ของตระกูลโซว ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านดั้งเดิม ก่อนที่จะตกทอดมาถึงหลวงนาวาเกมิกร ช่างภาพหลวงในรัชกาลที่ 5 ผู้ซึ่งได้รับพระราชทานนามสกุลโปษยะจินดาจากรัชกาลที่ 6 ซึ่งท่านมีศักดิ์เป็นคุณปู่ของเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน
โดยความคิดดั้งเดิมของบรรพบุรุษคือต้องการให้บ้านนี้เป็นที่พำนักของลูกหลาน ที่หน้าประตูใหญ่ของบ้านจะมีป้ายอักษรจีนเขียนคำว่า “โซวเฮงไถ่” ซึ่งคำว่า “เฮงไถ่” คือชื่อกิจการของครอบครัว ส่วนคำว่า “โซว” หมายถึง “ตระกูลโซว”
บ้านหลังนี้มีการวางผังเรือนแบบ “สี่เรือนล้อมลาน” ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแถบมณฑลฮกเกี้ยน-แต้จิ๋ว มีลักษณะเป็นอาคารสี่หลังล้อมลานกว้างกลางบ้าน หลังหน้าทำหน้าที่เป็นซุ้มประตูทางเข้า เมื่อผ่านประตูเข้าไปจะพบกับเรือนประธานซึ่งตั้งต่อจากลานกว้าง ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของบ้าน ซ้ายขวาของเรือนประธานจะเป็นเรือนเคียง ใช้เป็นที่พักของลูกหลานและบริวาร บ้านแบบนี้มักเป็นอาคารชั้นเดียว แต่โซวเฮงไถ่สร้างประยุกต์เป็นสองชั้น ในรูปลักษณ์ที่เหมือนเรือนมีใต้ถุน เหมือนอย่างที่พบในเรือนไทย ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมได้อย่างแยบยล
เรือนประธานชั้นบนแบ่งเป็น 3 ห้อง มีระเบียงทอดยาวตลอดแนว ห้องกลางจัดเป็นห้องบูชาบรรพบุรุษเป็นห้องประธานในห้องโถง ห้องทั้งสองข้างเป็นห้องพักของเจ้าของบ้าน หน้าห้องทั้งสามเป็นเฉลียงยกพื้นจากระดับระเบียงยาวตลอดแนว ลวดลายที่ตกแต่งประตูในบริเวณนี้จะมีทั้งลูกฟักแบบจีนและลายฝาปะกนแบบไทย เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมทั้งสองแบบ
เรือนบริวารซ้าย-ขวาใช้เป็นที่พำนักของลูกหลานและบริวาร เรือนทางซ้ายของเรือนประธานแบ่งเป็นห้องเก็บทรัพย์สมบัติและห้องเสบียง ส่วนทางขวาจะเป็นห้องพัก ข้อพิเศษอย่างหนึ่งของเรือนจีนสยามคือจะมีการตั้งห้องบูชาบรรพบุรุษของทั้งฝ่ายสามีและภรรยาในบ้านเดียวกัน โดยจะแยกห้องออกไปต่างหาก การใช้งานจะให้ความสำคัญกับอาคารทางปีกซ้ายของเรือนประธานมากกว่าอาคารทางขวา ซึ่งเป็นการใช้งานตามความคิดธรรมเนียมจีน
องค์ประกอบอีกอย่างที่เด่นของอาคารหลังนี้ก็คือ โครงสร้างส่วนใหญ่จะเป็นไม้สักทอง ซึ่งในสมัยก่อนการวัดว่าบ้านใดมีฐานะจะดูจากการวางคานของบ้านว่ามีความยาวและถี่มากเพียงใด ซึ่งบ้านหลังนี้ใช้คายที่ยาว 3 เมตร หนา 8 นิ้ว โดยจะวางอยู่ทุกระยะ 50 เซนติเมตร ผนังภายนอกอาคารและชั้นล่างก่อด้วยอิฐฉาบปูน ชั้นบนเป้นฝาไม้ลูกฟักแบบจีนสลับฝาปะกนแบบไทย ส่วนโครงสร้างหลังคาเป็นงานไม้สกุลช่างฮกเกี้ยน- แต้จิ๋ว ความงามของโครงสร้างแบบนี้อยู่ที่ขื่อและแปจะถูกถากให้มีลักษณะกลมหรือเหลี่ยมมน รับกับดั้งขนาดต่างๆ รวมทั้งขื่อโค้งที่ยึดดั้งต่างๆเข้าด้วยกัน ลดหลั่นกันอย่างงดงาม
ต่อมาคุณภู่ได้สถาปนิกคนเก่งมาช่วยออกแบบในส่วนพื้นที่พักอาศัย นั่นคือ คุณตุ้ย – สถาพร พุกบุญมี สถาปนิกเจ้าของบริษัท Area Architect ซึ่งได้ปรับส่วนของบ้านที่เป็นเรือนประธานเก่าให้เป็นบ้านพักส่วนตัวของคุณภู่ โดยไม่ทิ้งโครงสร้างเก่าที่ยังคงมีความงามให้คงอยู่
เมื่อเปิดประตูสีแดงเข้าไปจะพบบริเวณห้องพักของคุณภู่ไม่ต่างกับห้องชุดที่มีห้องรับแขกใหญ่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนหรือใช้ต้อนรับแขกสนิทจริงๆ มีแพนทรี่เล็กๆที่สามารถประกอบอาหารง่ายๆได้ด้วยตัวเอง ส่วนห้องนอนใช้ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้เป็นอย่างดี ห้องเดิมที่เคยเป็นที่เก็บเสบียงของบ้านมีสีเดิมเป็นสีไม้ทำให้ดูมืดทึบ คุณภู่จึงทุบกำแพงก่ออิฐที่ทั้งชื้นและอับแล้วทาสีใหม่เป็นโทนสีขาวเพื่อให้ห้องดูสว่างขึ้น ส่วนภายในห้องนอนใช้สีส้มอิฐทาผนังด้านหนึ่ง ทำให้ห้องนี้ดูมีมิติและดูไม่น่าเบื่อจนเกินไป
“ผมใช้เงินเพียงสองแสนบาทในการปรับปรุงห้องใต้ถุนบ้าน ซึ่งแต่ก่อนเป็นห้องเก็บทรัพย์สมบัติและเสบียงอาหารของบ้าน และใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น โดยใช้วัสดุที่หาง่ายและเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนอยู่ในคอนโดมิเนียม
“ถึงแม้จะมีบ้านสไตล์จีนอยู่มากในแถบนี้ แต่เพราะว่าผมเปิดโรงเรียนดำน้ำจึงทำให้สระดำน้ำในบ้านจีนของผมเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งผมเลือกนำเงินที่มีทั้งหมดลงทุนไปกับการสอนดำน้ำก่อน แล้วจึงค่อยๆซ่อมแซมและปรับปรุงในส่วนที่พักอาศัยทีหลัง เพราะสภาพบ้านที่เก่ามาก การบูรณะให้ดีดังเดิมต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร โชคดีที่ได้รู้จักคุณอุ๋ย (คุณทัศรินทร์ พันธ์แพ พิธีกรสาวที่ใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีไปกับการเพ้นต์ผนังบ้านหรือโรงเรียนสอนดำน้ำหลังนี้) ที่บังเอิญพบกันครั้งที่เข้ามาถ่ายรายการเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของผมโดยปริยาย ยังเป็นหัวแรงสำคัญในการบูรณะบ้านและโรงเรียนของผมให้น่าอยู่มากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มเติมนั้นคุณอุ๋ยควักกระเป๋าจ่ายด้วยตัวเอง โดยให้เหตุผลกับผมและคนอื่นๆในบ้านว่าทำแล้วมีความสุข แต่ผมสิมีความสุขกว่า เพราะเงินไปต้องจ่าย…”
ห้องจำนวน 21 ห้องของบ้านหนึ่งหลังเป็นจำนวนที่มากเกินการดูแลทำความสะอาด หลายห้องถูกปิดไว้เหลือไว้เพียงที่ใช้จริงเท่านั้น โดยแบ่งห้องสองห้องเป็นห้องเรียนทฤษฎีหนึ่งห้องและโฮมออฟฟิศอีกหนึ่งห้อง คุณแม่ของคุณภู่จะแยกใช้ชีวิตอยู่อีกห้องหนึ่งชั้นบนและอีกสามห้องเป็นห้องของแม่บ้านและบริวาร
“เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเราเปิดรับสิ่งใหม่ แต่อย่าลืมรักษาสิ่งดีๆที่มีอยู่เหมือนกับการดำน้ำ ผมจะชื่นชมแค่ความงามของธรรมชาติและตั้งกฎกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำลายสิ่งสวยงามที่ธรรมชาติสร้างมาอย่างเด็ดขาด”
เจ้าของ : คุณภู่ศักดิ์ โปษยะจินดา
ออกแบบ : คุณสถาพร พุกบุญมี
เรื่อง : SPRANT, jEedWonDeR
ภาพ : สังวาล, จิระศักดิ์, นันทิยา
สไตล์ : ประไพวดี โภคสวัสดิ์