บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ในโทนสีดอกไม้แสนหวาน
บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก กลางสวนดอกไม้แสนสวย กับโทนการตกแต่งในสไตล์บ้านคันทรี ที่ได้แรงบันดาลในการเลือกใช้สีมาจากดอกไม้เล็กๆที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ บวกกับการประดับด้วยข้าวของแนวแฮนด์เมด ทำให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่น น่าสบาย และเต็มไปด้วยรายละเอียดอันแสนละมุนละไม
ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายปีก่อน บนถนนพระอาทิตย์ที่ “ร้านหนังสือเล็กๆ” ซึ่งบรรจุความฝันมากมายของหญิงสาวคนหนึ่ง ณ ที่นั้น เธอแบ่งปันเรื่องราว ความคิด และความฝันให้คนรักการอ่านและใครอีกหลายๆคนได้ฝันต่อ ได้เดินตาม
แม้ คุณจี๋ – บุษกร พิชยาทิตย์ ไม่ได้ทำร้านหนังสือ หลังจากพบว่างานที่ร้านมีรายละเอียดเกินกว่าที่เธอจะได้อ่านหนังสืออย่างที่คาดหวังไว้ จึงตัดสินใจกลับมาอยู่กับครอบครัวที่เชียงใหม่ ที่ซึ่งเธอค้นพบตัวตนที่แท้จริงจากการงานที่ทำด้วยความรักอีกครั้ง และเธอได้สร้างเรือนหลังเล็กอีกหลังอยู่ในรั้วเดียวกัน เป็น บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ภายในเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีมุมแพนทรี่เล็กๆ และห้องน้ำหนึ่งห้อง
“เดิมตั้งใจทำเป็นห้องทำงานและโชว์รูมเล็กๆสำหรับงานปักผ้า เพราะเราอยากทำธุรกิจเล็กๆเกี่ยวกับดอกไม้ในสวน เลยออกแบบให้ดูโปร่งๆ ใช้หน้าต่างกระจกบานยาวๆ แล้วทาสีผนังห้องตามสีดอกไม้ที่เราชอบ อย่างสีฟ้านี่ก็ดอกพยับหมอก สีชมพูอ่อนของดอกไม้บางดอก และสีเขียวของก้านดอกมะลิ ก็คิดไปด้วยความสุข สนุกกับการใช้สี คิดไว้ว่าทำหลังเล็กๆ เมื่อยากเปลี่ยนสีก็ทาเองได้ง่ายๆ แต่มาตอนหลังเรือนหลังนี้ก็กลายเป็นที่ทำงานและนั่งพูดคุยพบปะกับเพื่อนๆ เราก็จัดเป็นมุมต่างๆโดยใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นตัวแบ่งแทนที่จะกั้นห้อง มีทั้งมุมเอกเขนกและมุมที่ใช้นั่งวาดรูปบ้าง เขียนหนังสือบ้าง
“มานั่งอยู่ที่นี่เราดูแลต้นไม้ดอกไม้ จัดบ้านทำสวนเองทุกวัน ได้มองเห็นฤดูกาลที่หมุนเวียน ดอกไม้ในบ้านก็บานอวดสีไปตามฤดูไม่ซ้ำกัน และด้วยความที่เราเป็นเด็กเติบโตมาในชนบทก็มีส่วนทำให้เรารู้จักดอกไม้โดยธรรมชาติ และผูกพันกับต้นไม้ดอกไม้โดยไม่รู้ตัว พอได้กลับมาอยู่บ้านได้มีเวลาเดินดูดอกไม้ทุกวัน บางครั้งเก็บดอกหญ้าข้างทางมาปลูกในบ้านก็รู้สึกมีความสุข”
ในสวนดอกไม้เล็กๆจึงเต็มไปด้วยดอกไม้ ตั้แต่กุหลาบป่า ซิลเวียป่า เตอร์ราเนียม ดาวกระจายสีเหลืองอ่อน เงอร์บีนา ไอริสน้ำ เทียนญี่ปุ่น ซึ่งล้วนเป็นดอกไม้เล็กๆอย่างที่คุณจี๋โปรดปราน ต้นไม้ใหญ่ที่มีดอกก็มีหลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็นศรีตรัง หางนกยูงต้นใหญ่มาก ปีบรอบๆบ้าน ชมนาด พวงชมพู พวงครามซึ่งบานสะพรั่งอยู่บนหลังคาบ้าน
“พอได้เห็นมากๆ ได้มองนานๆ ก็ลองหัดเขียนรูปดอกไม้เป็นลายเส้น ลองพลิกข้อมือดูโดยที่ไม่ได้ร่ำเรียนมา แต่ทำแล้วรู้สึกมีความสุข แอบเอาไปอวดคนที่ทำงานศิลปะ เขาก็บอกว่าสวยดี ก็เลยวาดมาเรื่อยๆ
“ก่อนหน้านี้เคยวาดภาพประกอบบทกวีดอกไม้ให้คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แล้วก็เขียนอะไรเล็กๆน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนหนังสือ พอดีเป็นเรื่องที่เราชอบ ก็เขียนในมุมมองของเราที่มีต่อดอกไม้ สัมพันธ์กับคุณค่าและความจริงต่อชีวิต ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้มองเข้าไปในจิตใจตัวเอง ในความเชื่อบางอย่างที่เราอยากสื่อสารกับคนอ่าน แล้วก็มีโอกาสได้วาดภาพประกอบดอกไม้เองด้วย
“ส่วนใหญ่จะวาดจากดอกไม้จริง เพราะขณะที่วาดทำให้เราได้มองดูดอกไม้นานๆ ความสุขอยู่ตรงนั้น ช่วงไหนที่บ้านมีดอกไม้น้อย เราก็ออกไปข้างนอกบ้าง ไปเที่ยวตามน้ำตก ภูเขา สวน ทุ่งนา เพราะเชียงใหม่ธรรมชาติอยู่ใกล้ตัวเรา ออกจากบ้านไปไม่ไกลก็ได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆ ส่วนมากจะวาดดอกไม้ที่ไม่สลักสำคัญอะไร เป็นดอกไม้เล็กๆที่ขึ้นและบานอวดอยู่ตามซอก ตามทุ่งหญ้า ตามป่าเขา”
ลวดลายดอกไม้บนข้าวของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปลอกหมอน ถ้วยชาม หรือแม้แต่ดอกไม้ในแจกัน จึงเป็นดอกไม้เล็กๆที่ไม่เฉิดฉาย ทว่าอ่อนหวานและร่าเริง แต่งแต้มให้ บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก นี้มีกลิ่นอายของบ้านสไตล์คันทรี ดูอบอุ่น สบาย และเต็มไปด้วยรายละเอียด
“ดอกไม้ที่ใครเห็นว่าธรรมดา แต่บางดอกมันอาจมีความทรงจำซ่อนอยู่ อย่างดอกบานเย็น จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆพ่อจะหว่านไว้ตามมุมสวนเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เด็กๆอย่างเราก็ชอบเดินเก็บเมล็ดบานเย็นสีดำๆมารวบรวมเอาไปปลูกต่อ เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินมาก พอเราเห็นดอกบานเย็นครั้งใดก็ทำให้นึกถึงช่วงเวลานั้น”
เราฟังคุณจี๋เล่าเรื่องเกี่ยวกับดอกไม้ บอกถึงวันเวลาที่ดอกไม้จะผลิบานในแต่ละช่วงของปี ระหว่างที่เธอเดินเด็ดใบแห้ง ดึงวัชพืช ดูแลต้นไม้ในสวนอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆไปกับการทักทายหยอกล้อสุนัขและแมวที่แต่ละตัวมีชื่อเรียกเก๋ไก๋ แสดงถึงความสามารถในการใช้ภาษาของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งส่วนหนึ่งคงมาจากความเป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เยาว์วัย
“อยู่ที่นี่ทำให้รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างไม่จำเป็นกับชีวิตเรา อย่างหนังสือ จะไม่คอยตามว่าตอนนี้เขาอ่านอะไรกัน หรือมีหนังสืออะไรออกใหม่บ้าง แม้แต่วรรณกรรมที่เคยชอบก็ไม่ได้ขวนขวายมาอ่านมากนัก นอกจากบางครั้งรู้สึกต่อสิ่งใดในใจ อยากหาคำตอบสำหรับตัวเองให้กระจ่าง ก็จะหยิบวรรณกรรมเก่าๆบางเล่มมาอ่านใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกไม่อยากรู้อะไรในเรื่องนอกจิตใจมันเปลี่ยนไปเอง ส่วนเพลงถ้ามีอารมณ์อยากฟังก็มักฟังเพลงเก่าๆ หรือไม่ก็เพลงบรรเลงเบาๆสบายๆเท่านั้น
“เรารู้สึกว่าชีวิตมันคือธรรมชาติ เราก็อยากอยู่กับธรรมชาติ แม้ว่าชีวิตอาจยังมีความทุกข์อยู่ เพียงแต่อยู่ที่นี่ เราได้เฝ้ามองดูชีวิตว่าสิ่งใดจะนำเราไปสู่ความสงบ ซึ่งในเวลานี้ก็คือการได้ทำงานเล็กๆที่เรารักนั่นเอง”
และที่ บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก แห่งนี้ เธอคนนี้ได้มีความสุขอยู่ในโลกใบเล็กของเธอเองจริงๆ ไม่ได้เป็นแค่ความฝันอีกต่อไป
เจ้าของ – ตกแต่ง : คุณบุษกร พิชยาทิตย์
เรื่อง : ภัทรสิริ อภิชิต
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ