ประโยชน์ของ น้ำส้มสายชู กับการซักผ้า ให้ออกมาหอมสะอาดได้ภายในขวดเดียว
แค่มีน้ำส้มสายชูกลั่นขวดเดียว ก็สามารถทำความสะอาดและดูแลเสื้อผ้าได้อย่างรอบด้าน ไม่ใช่แค่การขจัดคราบเลอะเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่นอับ ความนุ่ม หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ น้ำส้มสายชูก็เอาอยู่ ! ถ้าอยากรู้ว่า น้ำส้มสายชูซักผ้า ให้ออกมาสะอาดเอี่ยมอ่องได้มากขนาดไหน เราได้รวมเอาข้อดีของน้ำส้มสายชูมาให้แล้ว
1 . น้ำส้มสายชูซักผ้า ช่วยทำให้ผ้าขนหนูนุ่มฟู
ถึงไม่มีน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ไม่เป็นไร เพราะน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมที่สามารถทำให้ผ้าขนหนูออกมานุ่มฟูได้ไม่แพ้กัน การใช้ น้ำส้มสายชูซักผ้า นั้นจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตขึ้น ขณะที่ผ้าปั่นไปปั่นมาซึ่งไฟฟ้าสถิตย์นั้นจะทำให้ปลายเส้นใยของผ้าขนหนูตั้งฟูขึ้น จนรู้สึกนุ่มละมุนเมื่อสัมผัส ซึ่งจะต่างจากการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่มีส่วนผสมของไขเคลือบเส้นใยทำให้ที่ซักออกมามีความลื่นแต่ก็ถูกเคลือบเส้นใยไปแล้ว ส่งผลให้คุณสมบัติของการซึมซับน้ำลดลงตามไปด้วย โดยเนื้อผ้าที่น้ำส้มสายชูสามารถเข้าไปช่วยปรับสภาพให้นุ่มขึ้นได้ ต้องเป็นผ้าที่มีเส้นใยสั้น เช่น ผ้าขนหนู , ผ้าลินิน , ผ้าฝ้าย หรือไหมพรม วิธีใช้ น้ำส้มสายชูซักผ้า เพียงแค่เติมน้ำส้มสายชูประมาณ 2 ฝา ลงไปในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วซักตามปกติ หรือผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง เข้ากับน้ำสะอาดประมาณ 30 ลิตร เพื่อแช่ผ้าไว้ก่อนขึ้นตากก็ช่วยได้
2 . กำจัดแบคทีเรียและกลิ่นอับบนผ้า
กลิ่นเหม็นอับที่สะสมอยู่ในผ้าเช็ดตัวอาจไม่ใช่สิ่งที่จะขจัดให้หายไปได้ด้วยการนำไปซักตามปกติแค่ครั้งเดียว ยิ่งถ้าเป็นผ้าขนหนูที่แขวนอยู่แต่ในห้องน้ำหรือไม่ได้ตากให้แห้งสนิทเป็นประจำก็จะยิ่งขจัดกลิ่นออกไปได้ยาก วิธีที่สามารถช่วยได้ก็คือการผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยตวงเข้ากับผงซักฟอกในขั้นตอนการซัก หรือนำไปผสมเข้ากับน้ำร้อนเพื่อแช่ผ้าก่อนนำมาซัก ส่วนใครที่เป็นห่วงว่ากลิ่นน้ำส้มสายชูจะติดผ้าก็ไม่ต้องกังวล เพราะกลิ่นน้ำส้มสายชูจะจางหายไปเองเมื่อตากจนแห้ง เหลือเพียงกลิ่นหอมแดดจากธรรมชาติ แต่ถ้าหากอยากเพิ่มความหอมสดชื่นเข้าไปก็สามารถผสมน้ำมันหอมระเหยหรือส่วนผสมต่าง ๆ จากธรรมชาติอย่างเช่นเปลือกส้ม
3 . ปรับสีผ้าให้สดใสขึ้น
เมื่อเสื้อผ้าผ่านการใช้งานไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีสีสดขนาดไหนก็อาจหลีกเลี่ยงความหมองไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้สามารถใช้น้ำส้มสายชูมาช่วยได้เหมือนกัน แค่เติมลงไปในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่มตามปกติหรือผสมน้ำสำหรับแช่ผ้าในขั้นตอนสุดท้าย โดยใช้น้ำส้มสายชูไม่เกิน 1 ถ้วยตวง ก็สามารถขจัดความหมองและปรับสีผ้าให้สดใสขึ้นได้แล้ว ยิ่งถ้าใช้วิธีนี้อย่างสม่ำเสมอก็จะยิ่งช่วยป้องกันเสื้อผ้าไม่ให้หมองหรือสีซีดเร็วเกินไปด้วย
4 . ขจัดคราบเหลืองบนผ้าขาว
ปัญหาอีกอย่างที่ผ้าขาวต้องเจอก็คือคราบเหลืองกวนใจที่มักจะเกิดบริเวณแขนเสื้อใต้รักแร้และคอเสื้อ หรือถ้าหากพับเก็บไว้นานเกินไปก็สามารถเกิดคราบเหลืองขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดแรงในการแปรงคราบเหล่านี้ให้จางลงไปก็คือการใช้น้ำส้มสายชูมาช่วยขจัดคราบก่อน โดยสามารถทำได้ทั้งการนำมาเทราดลงไปยังจุดที่มีคราบ หรือแช่ผ้าเฉพาะส่วนที่มีคราบลงไปในน้ำส้มสายชู จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีก่อนนำไปซักตามปกติ ก็จะช่วยให้คราบเหลืองจางลงได้ง่ายขึ้น
5 . ล้างสีที่ตกใส่ออกจากเสื้อผ้า
เมื่อเสื้อผ้าต้องเจอคราบเลอะจากการโดนสีตกใส่ ให้ใช้ความร้อนจากการต้มและน้ำสายชูเป็นตัวช่วย โดยเริ่มจากการเติมน้ำลงไปในหม้อขนาดใหญ่ให้พอท่วมเสื้อที่ต้องการขจัดคราบ ตามด้วยการผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ถ้วยตวงลงไป จากนั้นให้ตั้งไฟจนน้ำเดือดจึงค่อยใส่เสื้อที่เลอะลงไปต้ม สีที่เลอะติดอยู่บนเสื้อนั้นจะค่อย ๆ จางลงระหว่างการต้ม เมื่อสีจางหายไปหมดจึงค่อยปิดไฟและนำเสื้อออกมาซักน้ำเย็นตามปกติ
6 . ทำความสะอาดคราบเลอะเฉพาะจุด
คราบเลอะบางอย่างบนเสื้อผ้าสามารถขจัดออกได้ด้วยน้ำส้มสายชู อย่างเช่นคราบกาว หรือคราบอาหารต่าง ๆ ถ้าเป็นคราบหนักก็สามารถนำน้ำส้มสายชูมาค่อย ๆ เทราดลงไปในจุดที่เลอะได้เลย หรือถ้าเป็นคราบเบา ๆ ที่กระจายอยู่บนเสื้อผ้าก็อาจเจือจางด้วยการผสมน้ำลงไปในปริมาณเท่า ๆ กันและใส่ขวดสเปรย์เพื่อฉีดพ่นให้ทั่วก่อนได้ จากนั้นให้ปล่อยทิ้งไว้สักพักจึงค่อยนำไปล้างน้ำและซักตามขั้นตอนปกติให้สะอาดอีกครั้ง
7 . ใช้เป็นน้ำยาล้างเครื่องซักผ้า
ถ้าอยากให้เสื้อผ้าออกมาสะอาดเอี่ยมหลังซัก ห้ามละเลยเรื่องการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นอันขาด เพราะการล้างถังซักผ้า จะช่วยขจัดฝุ่นภายในถัง ที่อาจวนกลับไปติดเสื้อผ้า รวมทั้งช่วยแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ด้วย โดยสิ่งที่ควรทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง คือการเดินเครื่องซักถังเปล่า โดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเข้าไป และเปลี่ยนจากการใช้ผงซักฟอกเป็นการเติมน้ำส้มสายชู 2-3 ถ้วยตวง ลงไปในถังซักผ้า หรือช่องใส่ผงซักฟอกขณะที่น้ำค่อย ๆ ไหลเข้ามาในถังซักแทน เมื่อเครื่องทำงานไปได้สักพัก จึงค่อยหยุดโปรแกรมการซัก เพื่อแช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้ในถังประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยเดินเครื่องเพื่อล้างทำความสะอาดต่อจนเสร็จ
เคล็ดลับการคืนชีวิตให้ผ้าขาว กลับมาขาวจั๊วะเหมือนใหม่
วิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าฝาหน้า ให้สะอาดปิ๊งทุกซอก ทุกมุม