โฮมสตูดิโอเชียงใหม่ อบอุ่นใจด้วยแสงแดดและสองแมว
โฮมสตูดิโอ หลังเล็กที่เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของคู่รักนักออกแบบ พร้อมบรรยากาศสดชื่นใต้แสงแดดยามเช้า และสองแมวคอยฮีลใจยามเหนื่อยล้าจากการทำงาน
โฮมสตูดิโอ ท่ามกลางธรรมชาติแห่งนี้เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของคู่รักนักออกแบบ คุณบี๊ท – โสภิดา จิตรจำนอง มัณฑนากรอิสระ และ คุณบิ๊ก – สุจินดา ตุ้ยเขียว สถาปนิกจากใจบ้านสตูดิโอ แน่นอนว่าทั้งคู่ลงมือออกแบบบ้านด้วยตัวเอง ผลลัพธ์จึงเป็นการผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ ที่ทั้งคู่ชอบ อย่างระเบียงนั่งเล่นใต้แสงแดดรำไรยามเช้า บานประตู-หน้าต่างมือสองที่มากด้วยเสน่ห์ และสเปซสำหรับ “จุ๋ง”และ “จูดี้” แมวไทย 2 ตัวที่มาช่วยเติมเต็มชีวิตในบ้านให้อบอุ่นยิ่งขึ้น รวมถึงไม่พลาดโอกาสที่จะได้ทดลองใช้วัสดุและเทคนิคการก่อสร้างใหม่ๆ ด้วย “พอเป็นบ้านที่เราจะอยู่เองแล้ว อยากลองทำอะไร ก็ทำได้เลยค่ะ” คุณบี๊ทกล่าว
นอนคือนอน ทำงานคือทำงาน
เนื่องจากเป็นที่ดินเช่า ทั้งสองจึงเลือกออกแบบก่อสร้างด้วยวิธีที่รวดเร็วและคุ้มค่าที่สุด โดยปรับปรุงเรือนเล็กๆ หลังเก่าที่มีอยู่เดิมให้กลายเป็นห้องนอนและห้องน้ำในโซนด้านหลัง พร้อมต่อเติมห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องทำงานแยกออกมาเป็นโซนด้านหน้า โดยทั้งสองโซนถูกกั้นออกจากกันด้วยระเบียงกึ่งภายนอกซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับตากผ้าและการทำงานที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่าง
บ้านที่แบ่งออกเป็นสองส่วนช่วยกำหนดพฤติกรรมการใช้งานที่ชัดเจน ตามที่คุณบี๊ทเล่าว่า “ด้วยความที่เราเป็นฟรีแลนซ์ การแบ่งโซนบ้านเป็นการสร้างวินัยให้ตัวเองวิธีหนึ่งค่ะ ทำงานคือทำงาน พักผ่อนคือพักผ่อน เวลาเราอยู่โซนหน้าบ้าน เราก็จะไม่เห็นเตียง พอเราเข้าห้องนอน เราก็จะไม่เห็นงานแล้ว” ทั้งคู่มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโซนหน้าบ้าน โดยเฉพาะกับการทำงานในห้องสตูดิโอ ทั้งงานออกแบบสถาปัตยกรรมและการทำแบรนด์เครื่องประดับของคุณบี๊ทเอง ด้วยอุปกรณ์และของประดับตกแต่งมากมายบนชั้นวาง ปกติโซนนี้จึงไม่ได้เปิดให้จุ๋งและจูดี้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนป่ายเข้ามาด้านใน
“พอเป็นบ้านที่เราจะอยู่เองแล้ว อยากลองทำอะไร ก็ทำได้เลย”
พื้นที่ทดลองของนักออกแบบ
นอกจากจะเป็นที่นอนและที่ทำงานแล้ว โฮมสตูดิโอแห่งนี้ยังเป็นโอกาสให้คู่รักนักออกแบบได้ทดลองใช้วัสดุแปลกใหม่ด้วย “เรารู้ว่าคงยากถ้านำวัสดุที่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยไปนำเสนอลูกค้า เราเลยอยากลองทำกับบ้านตัวเองดูก่อนค่ะ” คุณบี๊ทอธิบาย วัสดุที่ว่านี้คืออิฐบล็อกคอนกรีตแทนบริก (Tan Brick) ซึ่งทั้งคู่นำมาก่อเป็นผนังบ้านแบบโชว์แนว โดยทดลองทำพื้นผิวหลากหลายวิธี ทั้งผนังบริเวณระเบียงกลางบ้านที่เคลือบใสด้วยน้ำยากันซึมสูตร A-100 ให้ผิวมันวาว ผนังภายนอกเกือบทั้งหมดทาสีเทาเข้ม ผนังภายในทาสีเทาอ่อน และผนังบางส่วนไม่ทาน้ำยาใดๆ เลย ทั้งหมดนี้ยังคงเผยให้เห็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของวัสดุ ด้วยอารมณ์ที่ต่างกันตามแต่ละพื้นที่
ด้วยข้อจำกัดของผนังบล็อกคอนกรีตที่สามารถก่อได้สูง 2 เมตรโดยไม่มีแนวเสาเอ็น-คานเอ็นคั่นกลางผนัง ผนังส่วนที่สูงกว่านั้นจึงออกแบบให้เป็นช่องแสงด้วยวัสดุพอลิคาร์บอเนต ผลพลอยได้คือช่วยเพิ่มแสงสว่างภายใน จึงถือเป็นการออกแบบโดยคำนึงถึงข้อจำกัดของวัสดุที่ยิ่งสร้างความน่าสนใจให้ดีไซน์ของบ้าน
นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้โครงสร้างเสาและหลังคาเดิมซึ่งเป็นวัสดุไม้ นำมาปรับใช้ใหม่ให้เกิดความคุ้มค่า เสริมด้วยไม้เก่าที่หาซื้อจากแหล่งไม้เก่าในอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยเฉพาะเสาไม้เนื้อแข็งหลากหลายชนิด ไม้เก่าเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองภายในบ้าน รวมถึงผสานความแตกต่างระหว่างผนังบล็อกคอนกรีตโชว์แนวกับวัสดุโปร่งแสงให้ดูลงตัวยิ่งขึ้น
บ้านในแบบที่ตัวเองต้องการ
“หลายคนบอกว่าบ้านเราดูเหมือนบ้านญี่ปุ่น แต่จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะให้ดูญี่ปุ่นเลยค่ะ โดยหลักๆ แล้วองค์ประกอบต่างๆ ในบ้าน เราเลือกจากความชอบและรูปแบบการใช้ชีวิตของเราเอง แฟนสังเกตว่าเราชอบนั่งตรงระเบียง ชอบแสงธรรมชาติ ก็เลยทำระเบียงรอบบ้าน ส่วนประตู-หน้าต่างเกือบทั้งหมดก็เป็นของมือสองจากร้านไม้เก่าที่เราเลือกมาใส่เองเพื่อให้เข้ากับโครงสร้างไม้เก่าของเรา เพราะถ้าสั่งประตู-หน้าต่างไม้แบบทำใหม่ก็จะแพงและรอนานค่ะ จุดที่ทำให้คนมองว่าดูเหมือนบ้านญี่ปุ่นคงเป็นช่องแสงที่ตีเป็นตารางในห้องทำงานซึ่งก็เป็นของมือสองเหมือนกัน และเป็นบานที่เราชอบมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเลยค่ะ”
“ชอบเวลาได้อยู่กับแมว ได้เล่น ได้ลูบตัว หรือเฝ้ามองพฤติกรรมประหลาดๆ ของมัน ความตลกโดยไม่ได้ตั้งใจของแมวช่วยฮีลเราได้ดีค่ะ”
เราคงสรุปไม่ได้แน่นอนว่าบ้านหลังนี้ออกแบบในสไตล์ไหน แต่ที่แน่ชัดคือดีไซน์ของบ้านหลังนี้มุ่งตอบโจทย์ในทุกๆ ด้านสำหรับนักออกแบบทั้งสองคน เป็นพื้นที่ในการทำสิ่งที่รัก ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการ ความสุขที่เกิดขึ้นได้จากสิ่งเรียบง่ายอย่างการนั่งเล่นริมระเบียง ชมธรรมชาติรอบด้าน หรือการได้เล่นกับแมวทั้งสองตัวในแต่ละช่วงเวลาของวัน “ชอบเวลาได้อยู่กับแมว ได้เล่น ได้ลูบตัว หรือเฝ้ามองพฤติกรรมประหลาดๆ ของมัน ความตลกโดยไม่ได้ตั้งใจของแมวช่วยฮีลเราได้ดีค่ะ” คุณบี๊ทเล่า
บ้านหลังนี้อาจถือได้ว่าเป็นที่ทำงานในฝันของชาวฟรีแลนซ์หลายๆ คน ที่ที่เราจะได้ตื่นมาดริปและนั่งจิบกาแฟใต้แสงแดดอบอุ่นยามเช้า ระหว่างวันก็นั่งทำงานพลางชมธรรมชาติรอบด้าน เวลาเหนื่อยล้าก็อุ้มเจ้าแมวไปนั่งเล่นด้วยตรงระเบียงหน้าบ้าน ชีวิตที่เรียบง่ายแต่อบอุ่นใจคือสิ่งสำคัญที่บ้านหลังนี้มอบให้ผู้อยู่อาศัย ตามที่คุณบี๊ททิ้งท้ายถึงความประทับใจต่อโฮมสตูดิโอหลังนี้ว่า
“ชอบสตูดิโอตรงที่เรารู้สึกว่าเป็นที่ที่ทำงานได้ดี มีแสงธรรมชาติเต็มที่ เวลาเหนื่อยก็มองออกไปข้างนอกได้ เห็นบึงน้ำ เห็นสีเขียวๆ แม้จะเป็นป่ารกๆ แต่เรามองว่ามันเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่ง วันดีคืนดีก็มีนกยูงป่า มีควายของเพื่อนบ้านเดินมา มีเสียงนกร้อง มีความสวยงามที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูหนาว เวลาที่ดวงอาทิตย์ทำมุมพอดีกับต้นสน ทำให้บรรยากาศในช่วงเช้าสวยมากค่ะ”
เจ้าของ – ออกแบบ – ตกแต่ง : คุณโสภิดา จิตรจำนอง และคุณสุจินดา ตุ้ยเขียว
คอลัมน์ บ้านสวย นิตยสารบ้านและสวน ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2566
เรื่อง : Tinnakrit
ภาพ : นันทิยา