สวนจัดเอง ตามครรลอง..ของธรรมชาติ

 “สวนเดิมของบ้านหลังนี้จัดไว้นานมากแล้ว แต่เราก็ปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ เป็นการปรับมุมเล็กๆน้อยๆ สวนเราจะเน้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและปลูกไม้ที่ดูแลง่าย ที่ปูพื้นแข็งในสวนทั้งหมดก็เพราะไม่สามารถปลูกหญ้าได้ พื้นที่ร่มจัด เนื่องจากเราต้องการความร่มให้บ้านเย็นสบาย จึงปลูกไม้ใหญ่หลายต้นให้ร่มเงา นอกจากนี้พื้นแข็งก็ทำความสะอาดได้สะดวกดีด้วย ส่วนสวนที่เรานั่งคุยกันอยู่นี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ หลังจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อสามปีที่แล้ว ต้นไม้ใหญ่ในบ้านตายไปยี่สิบต้น ตอนนั้นทำเอาพี่น้ำตาตกไปเหมือนกัน ใจหายมาก สิ่งแรกที่ทำก็คือรื้อต้นที่ตายออกทั้งหมด ลักษณะแสงภายในบ้านก็เปลี่ยนไป ต้องปลูกไม้ใหม่แทน ฟังก์ชันในสวนก็มีเพิ่มขึ้น มีโต๊ะขนาดใหญ่เข้ามา เพื่อรับรองเด็กๆที่มาเรียนศิลปะและเพื่อนๆยามมาเยี่ยมบ้าน กลายเป็นว่าเราได้สวนใหม่ แม้น้ำท่วมจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่หากมองในแง่บวก ก็ทำให้เราได้เปลี่ยนอะไรใหม่ๆภายในบ้าน”

               นอกจากการจัดพรรณไม้ที่ดูเป็นธรรมชาติ และการจัดผังทางเดินที่ดูสะดวกสบายแล้ว ความพิเศษของการใช้สีในจุดต่างๆ เช่น ผนังบ้าน พื้นศาลา และโต๊ะสนาม ก็ช่วยให้สวนที่ดูร่มครึ้มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

              “สีที่พี่เลือกใช้ตกแต่งสวนก็มาจากความชอบส่วนตัวค่ะ เผอิญลูกพี่ชอบ ปกติเวลาลงต้นไม้เสร็จแล้วภาพรวมของสวนก็จะเขียวไปหมด อย่างมากก็มีแค่สีเอิร์ธโทนของพื้นอิฐ กำแพงหิน และสีของไม้ เราจึงใส่สีต่างๆเพิ่มเข้าไปให้สวนดูมีอะไรมากขึ้น จริงๆแล้วสีที่ใช้แต่ละสีนี่ก็คือ พ่อชอบสีนี้ ลูกชอบสีนี้ เหมือนว่าเป็นตัวแทนความชอบของแต่ละคนด้วย แสดงถึงการมีส่วนร่วมกับการตกแต่งของทุกคนในครอบครัว”

               สวนที่บ้านหลังนี้มีการใช้งานค่อนข้างบ่อย เพราะพี่หญิงชอบนั่งทำงานในสวน อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆเพิ่ม ฉะนั้นฟังก์ชันของสวนที่ทำใหม่จึงมีการปรับให้สอดรับกับการใช้งานมากขึ้น

             “ช่วงหลังมานี้พี่ทำงานฝีมือและงานประดิษฐ์เล็กๆน้อยๆอยู่ที่บ้าน แล้วก็สอนศิลปะให้บรรดาเด็กๆลูกของเพื่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะสอนบริเวณโต๊ะยาวนี่แหละ ตรงศาลาบ้าง เท่ากับว่าเราปรับเปลี่ยนสวนให้ใช้งานได้สัมพันธ์กันพอดี พี่ชอบบรรยากาศของการเรียนรู้ในสวน ความรู้สึกของเด็กๆที่ได้ออกมาเจอต้นไม้ ปกติพวกเขาจะอยู่อาศัยแต่ในบ้านและคอนโด ไม่ค่อยได้ออกมาเจอธรรมชาติ พอเห็นเข้าก็สนุก วิ่งเล่นดูแมลง ถามชื่อต้นไม้ เราสัมผัสได้ทันทีว่าเขามีความสุข และก็รู้สึกดีในฐานะที่เป็นผู้ให้ แล้วเขาก็รับและเรียนรู้”

             วิธีดูแลต้นไม้ของพี่ไก่และพี่หญิงค่อนข้างน่าสนใจ ซึ่งการทำให้ทุกอย่างง่ายและสะดวกจะต้องเริ่มจากตัวตนของเจ้าของสวนก่อน จากนั้นจึงเลือกปลูกต้นไม้ที่เหมาะกับนิสัยของผู้ดูแล โดยไม่มีเคล็ดลับการดูแลที่เจาะจงเป็นสูตรสำเร็จ ขอเพียงให้ผู้ปลูกค่อยๆศึกษานิสัยต้นไม้ กระทั่งรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีต่อต้นไม้ แล้วทุกอย่างจะง่ายไปโดยธรรมชาติ

           “สวนมีวิถีของมันที่ธรรมชาติเป็นตัวควบคุม ถ้าเรารู้จักตาม ไม่ฝืน และเรียนรู้ สวนก็จะสวยตลอดเวลา แต่ถ้าเราไปฝืน เช่น พี่พยายามจะปลูกดอกไม้ในบริเวณที่ร่ม ดอกไม้ก็จะไม่ออกดอกหรือตายไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการปักดอกไม้ในแจกัน ฉะนั้นเวลาทำสวนจะต้องเรียนรู้ธรรมชาติตลอดเวลา ปรับตามต้นไม้ เราก็จะเกิดความเข้าใจ จะรู้สึกไม่เหนื่อยเลยเวลาปลูกและดูแลสวนของเรา อาทิตย์หนึ่งรดน้ำต้นไม้สองถึงสามครั้ง ไม่ต้องรดน้ำบ่อย แต่ต้องรดให้พอ ที่นี่นอกจากจะมีคนที่ใช้งานในสวนเป็นประจำแล้ว ก็ยังมีแมวอีกสองตัวที่ชอบออกมาเดินเล่น ได้ปีนป่ายต้นไม้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้สวนรกขึ้น เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ไม่คุ้ยเขี่ยดินหรือต้นไม้ ข้อดีอีกอย่างของการเลี้ยงแมวไว้ในบ้านคือ เราแทบไม่ต้องกังวลเรื่องงูหรือสัตว์เลื้อยคลานต่างๆเลย เรียกได้ว่าเป็นองครักษ์ชั้นดีเลยทีเดียว”

              จากความรักต้นไม้และชื่นชอบการทำสวน สู่การใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติมาร่วมสิบเอ็ดปี ทำให้ทั้งคู่ได้ข้อคิดดีๆในการทำสวนว่าธรรมชาติกำหนดมาอย่างไร เราก็ไม่ควรฝืน และพยายามเข้าใจให้มากที่สุด ไม่เฉพาะแค่การจัดสวนเท่านั้น ปรัชญานี้ยังนำไปใช้กับการดำรงชีวิตของเราได้ด้วยเช่นกัน

              สำหรับผู้ชื่นชอบแนวคิดการทำสวนในแบบของพี่ไก่และพี่หญิง ติดตามผลงานสวยๆของพวกเขาได้ที่   Everything happens in the garden ครับ