กุหลาบ สมัยเก่า ดอกหอม สีสวย
กุหลาบ ที่ปลูกเลี้ยงเก่าแก่ของยุโรปตั้งแต่ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึง 18 ลักษณะเด่นคือออกดอกฤดูละครั้ง มีทั้งดอกสวยกลิ่นหอม มีเสน่ห์น่าปลูก
กุหลาบ กัลลิกา (Gallica) หรือ The French Rose เป็นกุหลาบเก่าแก่ที่สุด ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อนพระเยซูคริสต์ และเป็นที่มาของกุหลาบสมัยใหม่จนถึงวันนี้ ต้นกำเนิดอยู่ในดินแดนของชาวเมเดส (Medes) และชาวเปอร์เซีย ต่อมาแพร่หลายไปในฝรั่งเศส และผสมกับกุหลาบท้องถิ่นของยุโรปเกิดเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ มีทรงพุ่มกะทัดรัด ตั้งตรง ใบสีเขียวเข้ม หนามน้อยหรือไม่มี ดอกสีชมพูถึงแดงหม่นและมีลาย พันธุ์ที่รู้จักกันดีมี R. gallica officinalis (Red Rose of Lancaster หรือ Double French Rose) และพันธุ์ Empress Josephine
กุหลาบอัลบา (AIba) หรือ White Rose เป็นกุหลาบเก่าแก่มากในสมัยโรมัน มีปลูกในยุโรปตอนกลาง (Central Europe) ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก (Eastern Mediterranian) สันนิษฐานว่าเป็นลูกผสมของ R. gallica กับ R. canina หรือ R. damascena กับ R. canina ลำต้นตรง มีหนามน้อยถึงไม่มีใบสีเขียวอ่อน ดอกสีขาวไปจนถึงชมพูอ่อนกลิ่นหอมจัด
กุหลาบเซนติโฟเลีย (Centifolia) หรือ Cabbage Rose, Provence Rose เป็นกุหลาบรุ่นใหม่ พัฒนาพันธุ์จากกุหลาบ R. gallica, R. moschata, R. damascena และ R. alba จากฮอลแลนด์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 – 18 ชื่อเซนติโฟเลีย แปลว่า ร้อยใบ แต่จริงๆน่าจะหมายถึงจำนวนกลีบที่มี เป็นร้อยกลีบมากกว่า อีกทั้งทรงต้นและก้านอ่อนจึงโน้มลง เพราะน้ำหนักดอก พันธุ์ที่รู้จักมี Fantin-Llatour, Petite de Hollande
กุหลาบมอสส์ (Moss) หรือ R. x centifolia ‘Muscosa’ เป็นลูกผสมของกุหลาบเซนติโฟเลีย ที่เรียกว่ากุหลาบมอสส์ ก็เพราะกลีบเลี้ยงและก้านคอดอกมีต่อมเล็กๆปกคลุมหนาแน่นคล้ายมอสส์
กุหลาบจีน (China Rose) และ กุหลาบที่ (Tea Rose) ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีการนำกุหลาบจากประเทศจีนเข้ามาในยุโรป ลักษณะเด่นของ กุหลาบจีนคือ ต้นเตี้ย สูงประมาณ 1 เมตร ไม่ทนหนาว ดอกสีแดงหรือซมพู มี 5 กลีบหรือเป็นกลีบซ้อนแต่ไม่มาก ออกดอกตลอดฤดู เดิมกุหลาบในยุโรปที่ออกดอกมากกว่า 1 ครั้งมีพันธุ์เดียว คือ Autumn Damask แต่ช่วงปี ค.ศ. 1792 มีกุหลาบจีนเข้ามาแพร่หลายในยุโรปหลายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ Slater’s Crimson China (1792) และ Parson’s Pink China หรือ Old Blush (1793) สำหรับกุหลาบที่หรือกุหลาบกลิ่นใบชา มักเป็นกุหลาบเลื้อยหรือเป็นพุ่มบาง ๆ ดอกใหญ่ สีซมพู และเหลืองอ่อน ไม่ซอบหนาว ออกดอกหลายครั้งในฤดูเช่นกัน ได้แก่ พันธุ์ Hume’s Blush Tea-scented China เข้ามาในปี 1809 และ Park’s Yellow Tea-scented China ในปี 1824
กุหลาบพอร์ตแลนด์ (Portland) เป็นกุหลาบที่เริ่มปลูกเลี้ยง กันในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด มีข้อมูลว่าดัชเซสแห่งพอร์ตแลนด์ (Duchess of portland) นำมาจากฝรั่งเศสและเข้ามาปลูกใน อังกฤษ บ้างก็ว่ามาจากอิตาลี จึงมีชื่อว่า พอร์ตแลนด์ สันนิษฐานว่าเป็นลูกผสมของกุหลาบดามัสก์กับกัลลิกาและ กุหลาบจีน ออกดอกตลอดฤดู ทรงพุ่มเล็ก ดอกมักเป็น สีแดง กลิ่นหอม เหมาะปลูกในสวนเล็ก
กุหลาบ บูร์บ็อง (Bourbon) เป็น กุหลาบ เกิดหลังกุหลาบ พอร์ตแลนด์ เป็นลูกผสมตามธรรมชาติระหว่างกุหลาบจีน กับกุหลาบดามัสก์ ที่ Ile de Bourbon เกาะบูร์บ็อง มหาสมุทรอินเดียใต้ และมีผู้ส่งเมล็ดไปลองปลูกในฝรั่งเศส จึงเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่เรียกกันว่า Bourbon Rose ซึ่งใช้ เป็นพ่อ – แม่พันธุ์สำหรับลูกผสมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต้นเป็นพุ่ม ดอกขนาดกลาง กลีบซ้อน สีขาว ชมพู ไปจนถึงแดง ที่นิยมได้แก่ พันธุ์ souvenir de Malmaison, La Reine Victoria, Louise Odier
กุหลาบ นัวแซต (Noisette) เกิดในยุดเดียวกับกุหลาบ พอร์ตแลนด์และบูร์บ็อง ประมาณปี ด.ศ. 1811 ที่อเมริกา โดยจอห์น แชมป์นีส์ (John Champneys) นำกุหลาบจีน มาผสมกับกุหลาบมัสก์ (Musk Rose-R. moschata) จากนั้น มอบให้กับเพื่อนบ้านชาวฝรั่งเศสชื่อฟิลิป นัวแซต (Philippe Noisette) นำไปผสมพันธุ์ต่อ เมื่อได้ลูกผสมใหม่จึงส่งให้ พี่ชายที่ปารีส จนเป็นกุหลาบที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย ในฝรั่งเศส จึงได้ชื่อว่ากุหลาบนัวแซต ลักษณะเด่นคือ ต้นสูงใหญ่ กิ่งก้านแผ่ ดอกเล็กเป็นพวง พันธุ์ที่นิยมคือ Blush Noisette, Lamarque
กุหลาบ ไฮบริดเพอร์เพตชวล (Hybrid Perpetual) ลูกผสม ระหว่างกุหลาบบูร์บ็องและกุหลาบที่ผสมข้ามไปมาระหว่าง กุหลาบพอร์ตแลนด์ บูร์บ็อง ที และกุหลาบจีน จนเป็น ที่ยอมรับให้เป็นกุหลาบกลุ่มใหม่เมื่อประมาณปี ด.ศ. 1820 และนิยมปลูกมากจนผลิตพันธุ์ใหม่ ๆ อีกมากกว่า 4,000 สายพันธุ์ ลักษณะเด่นคือ ต้นตรง กิ่งยาวจนโน้มลง แต่ไม่เลื้อย ดอกใหญ่ กลีบซ้อนมาก สีแดง ชมพู ม่วง และขาว จนในปี ด.ศ. 1867 เมื่อกุหลาบไฮบริดที่ต้นแรกถูกเผยแพร่ ความนิยมจึงลดลง กุหลาบไฮบริดเพอร์เพตชวลจึงเป็น กุหลาบสมัยเก่ากลุ่มสุดท้าย พันธุ์ที่ยังปลูกกันในปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์ Reine des Violettes, Baroness Rothschild, Mrs. John Laing และพันธุ์ล่าสุด Frau Karl Druschki (snow Queen) ที่นำมาเผยแพร่เมื่อปี ด.ศ. 1901 ในบ้านเรา มี “กุหลาบจุฬาลงกรณ์” ที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงสั่ง มาจากต่างประเทศเข้ามาปลูกที่เชียงใหม่ประมาณระหว่าง พ.ศ. 2457 – 2470 (ค.ศ. 1914 – 1927) สันนิษฐานว่าเป็นกุหลาบ ไฮบริดเพอร์เพตชวลพันธุ์หนึ่ง
สั่งซื้อหนังสือ : กุหลาบ ROSES (ฉบับปรับปรุงและเพิ่มเติม)
บทความที่เกี่ยวข้อง
พวงชมพู ไม้เลื้อยดอกสวย ปลูกง่าย กินได้ด้วย
ต้นกุหลาบ กับโรคและแมลงศัตรูตัวร้าย
รวม ต้นกุหลาบ ดอกไม้สื่อรัก ต้อนรับวาเลนไทน์
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com