มาทำความรู้จักเรือนกระจก
ในยุโรปกรีนเฮ้าส์หรือ เรือนกระจก เป็นสิ่งจำเป็น เพราะต้องควบคุมอุณหภูมิและมีระบบพิเศษ เพื่อช่วยให้ต้นไม้สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเผชิญอากาศหนาว
แต่ในประเทศไทย เรือนกระจกสามารถใช้เป็นที่กันฝน ที่พักต้นไม้ หรือปลูกพืชที่ต้องการการระวังสูง จึงกลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เริ่มพบเห็นได้บ่อยในการจัดสวนบ้านเราในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสวนอังกฤษหรือสไตล์ที่สร้างกลิ่นอายแบบสวนตะวันตก เราขอพาไปรู้จัก เรือนกระจก แบบต่าง ๆ และพรรณไม้ที่เหมาะสำหรับปลูกในเรือนกระจกกัน
เรือนกระจกแบบต่างๆ
โครงสร้างและองค์ประกอบทั่วไปของเรือนกระจกก็ไม่ต่างจากบ้านหรือกระท่อมเท่าใดนัก จึงสามารถประยุกต์รูปทรงได้หลากหลายสไตล์ตามความต้องการของเจ้าของสวน แต่โดยส่วนใหญ่มักเห็นกัน 3 รูปแบบหลัก ดังต่อไปนี้
Classic
ได้รับอิทธิพลมาจากเรือนกระจกในยุควิกตอเรียโดยตรง มีลักษณะเป็นอาคารทรงจั่ว โดม หรือโค้ง โดยจะผสมผสานรูปทรงกันหรือจะเป็นแบบใดแบบหนึ่งก็ได้ จุดเด่นคือรายละเอียดของตัวโครงสร้างและลวดลายที่เพิ่มเติมจากโครงเหล็กในส่วนของชายคา อกไก่ หรือเสา ส่วนเรื่องสีสันจะเน้นสีขาว เทา หรือดำ ตามแบบสถาปัตยกรรมในยุควิกตอเรียและอาร์ตนูโว เหมาะจะใช้ในสวนแบบฟอร์มัล หรือสไตล์โมเดิร์นวินเทจที่ต้องการแสดงถึงความหรู เก่าแก่ และดูสง่างาม
Shabby Chic
เรือนกระจกรูปแบบนี้เป็นการลดทอนรายละเอียดมาจากเรือนกระจกแบบคลาสสิก สำหรับใช้ในบ้านคนทั่วไปหรือโรงเรือนในชนบท จึงเป็นที่นิยมใช้จัดสวนในบ้านเรา เนื่องจากเป็นสไตล์ที่ไม่ซับซ้อน ทำได้ไม่ยาก และประยุกต์ใช้กับสไตล์สวนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งสวนแนวอิงลิชคอตเทจ แชบบี้ชิก จั๊งค์ และคันทรี ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นด้วยโทนสีขาวหรือสีจากวัสดุเดิม โครงสร้างมักเป็นไม้หรือเหล็กที่ดูเรียบง่าย ใช้รูปทรงแบบหลังคาจั่วเป็นหลัก มีขนาดไม่ค่อยใหญ่ และไม่ต้องตกแต่งรายละเอียดอะไรมากนัก
Modern
เรือนกระจกแบบนี้ส่วนใหญ่มักเป็นรูปทรงเรขาคณิตซึ่งลดทอนมาจากรูปแบบดั้งเดิม ส่วนสีสันและวัสดุโครงสร้างก็มีรูปแบบไม่ตายตัว อาจเป็นไม้ โลหะ หรือวัสดุสังเคราะห์อื่นๆก็ได้ รวมถึงส่วนที่เป็นกระจกด้วยเช่นกัน อีกทั้งไม่ค่อยเน้นงานตกแต่ง เนื่องจากจุดสนใจจะอยู่ที่ตัวโครงสร้างเป็นหลัก เหมาะกับสวนสไตล์โมเดิร์น มินิมัล หรือร่วมสมัย