บ้านสวนล้อมแปลงผัก ของสถาปนิก ที่ออกแบบให้ดูแลง่าย - บ้านและสวน

สมถะ-สถาน บ้านสวนล้อมแปลงผัก ดูแลง่าย ของสถาปนิก

บ้านสวนล้อมแปลงผัก ครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่เป็นทั้งบ้าน สตูดิโอออกแบบ และสถานฝึกใจของสถาปนิกผู้เป็นเจ้าของบ้านเอง โดยออกแบบบ้านให้ดูแลง่าย มินิมัลด้วยรูปแบบการอยู่อาศัย และปลูกผักทำเกษตรเอง

Design Directory : Dharmlane Studio (ทำเล่นสตูดิโอ)

บ้านสวนล้อมแปลงผัก
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
แปลงผักหน้าบ้าน ผลงานของคุณพ่อนักทำสวนแห่งสมถะ-สถาน ที่เป็นเหมือนตู้กับข้าวและทัศนียภาพ เย็นใจให้คนในครอบครัวได้เชยชม
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
ตัวบ้านจากฝั่งถนนทางเข้าหันไปทางทิศตะวันตก ซึ่งได้รับแดดแรงตลอดช่วงบ่าย จึงออกแบบผนังบ้าน ให้มีลักษณะปิดทึบและยื่นชายคายาว เน้นใช้ไม้เป็นวัสดุหลักเพื่อไม่ให้สะสมความร้อน โดยเว้นช่องกระจก ไว้ที่ส่วนล่างของผนังเพื่อให้รับแสงได้

กิจวัตรยามเช้าของ บ้านสวนล้อมแปลงผัก ในชื่อ “สมถะ – สถาน” แห่งนี้คือการรดน้ำดูแลแปลงผักที่กำลังแตกยอด ฟูสะพรั่ง มีเบื้องหลังเป็นวงล้อมของอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้น้อยใหญ่ที่เป็นทั้งบ้าน สตูดิโอออกแบบ และ สถานฝึกใจของ คุณม่อน กนกอรและคุณเจมส์ อิทธินันท์ ใจมั่น ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของบ้านและ ผู้ออกแบบด้วย

คุณเจมส์เล่าถึงที่มาที่ไปของบ้านว่า หลังจากไปบวชและกลับมาทำงานเป็นสถาปนิกอย่างที่เคย ทำได้เพียงสามเดือนก็รู้ตัวเองอย่างชัดเจนว่าจังหวะชีวิตในเมืองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการอีกต่อไป

ในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด – 19 จึงมองหาแนวทางการเลี้ยงตัวโดยที่ไม่ต้องกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเร่งรีบเช่นเดิมอีก จนมาหยุดที่การทำเกษตร ซึ่งตรงใจพอดีกับอนาคตที่คุณพ่อหมายมั่นปั้นมือ ไว้ว่าจะอยู่กับพืชผักหลังจากปลดเกษียณ จึงตัดสินใจหยุดทุกอย่างเพื่อไปเรียนรู้วิถีเกษตรเป็นเวลา 4 เดือน จากพ่อเลี่ยม บุตรจันทา ปราชญ์ชาวบ้าน แล้วจึงกลับมาทำบ้านสวนด้วยตัวเอง บนที่ดินของครอบครัว ขนาด 2 งาน โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ตอบโจทย์วัยเกษียณที่ทุกคนในครอบครัวอยากจะมี”

บ้านสวนล้อมแปลงผัก
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
โถงทางเข้าเล็กๆ สำหรับถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ที่ยกระดับพื้นเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน และมีความสูงพอ จะนั่งสวมรองเท้าได้อย่างสบาย
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
แผงระแนงไม้บริเวณโถงทางเข้าบ้าน ออกแบบให้ซ้อนเหลื่อมกันเพื่อกั้นสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่นกับโถงทางเข้าบ้านโดยที่ลมยังพัดผ่านได้ และเว้นช่องระดับสายตาไว้เพื่อให้มองลอดถึงกันได้บางส่วน ไม่ตัดขาดจากกันมากเกินไป

มีเท่าที่จำเป็น ก็อยู่ได้แล้ว

คุณเจมส์ตั้งใจเตรียมที่ดินผืนนี้ให้เป็นบ้านที่รองรับกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว ซึ่งประกอบ ด้วยคุณพ่อมือวางอันดับหนึ่งของบ้านด้านการทำสวน คุณเจมส์และคุณม่อนจำหน่ายผลิตผลทางการ เกษตรจากชาวบ้านในละแวกนั้น พร้อมกับแผนระยะยาวในการเปิดเวิร์กช็อปสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น ทำเกษตร โดยมีคุณแม่ที่มีฝีมือในการทำอาหารเป็นแรงสนับสนุนหลักให้แก่ทุกคนในบ้าน

การออกแบบผังบ้านแยกเป็น 4 เรือน เริ่มจากเรือนประธานที่ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น แพนทรี่ ห้องครัว และห้องพระ ซึ่งมีการใช้งานมากที่สุด วางอาคารตามทิศแดดและลมเป็นหลัก โดยวางตามแนว ทิศตะวันออก – ตะวันตก เพื่อให้รับลมได้ตลอดทั้งวัน ส่วนอีก 3 เรือนไล่เรียงต่อกันตามกิจวัตรที่เรียบง่าย ได้แก่ เรือนอาบน้ำ เรือนนอน และสตูดิโอ โอบล้อมรอบแปลงผักเขียวชอุ่มที่เป็นผลงานการดูแลของคุณพ่อ

บ้านสวนล้อมแปลงผัก
หัวใจหลักของสมาชิกทุกคนในบ้านคือห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อไปยังแพนทรี่และห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง โดยความสูงห้องเท่าบ้านเดิม ทำให้สัดส่วนสเปซมีลักษณะเตี้ยและแผ่กว้าง เหมาะกับนั่งพักผ่อนบนพื้นหรือเก้าอี้เตี้ยได้ เพื่อคงความรู้สึกที่คุ้นเคยและอบอุ่นจากบ้านหลังเก่า
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
ผนังสองด้านของห้องนั่งเล่นทำเป็นประตูบานเฟี้ยมไม้โปร่ง เพื่อให้มีลมพัดผ่านในแนวทิศเหนือ-ใต้ จึงนั่งรับลมชมวิวสวนได้ตลอดทั้งวัน และทำชายคายื่นต่ำเพื่อกำหนดกรอบการมองไม่ให้ฟุ้งขึ้นไปบนฟ้า สร้างความสงบจากการตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป เพื่อพิจารณาธรรมชาติให้ลงลึกในรายละเอียด

กลิ่นอายความมินิมัลที่สัมผัสได้นั้นไม่ได้มาจากผิววัสดุ แต่มาจากรูปแบบการอยู่อาศัยที่เรียบง่าย และตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายของคุณเจมส์ที่ตั้งใจจะใช้งานออกแบบชี้นำให้ผู้อาศัย เป็นอิสระจากความคุ้นเคยของสังคม

“ตรงไหนควรมีอะไรก็ให้มีแค่นั้น ไม่ต้องเผื่อเยอะ ฟังก์ชันที่ต้องทำสำหรับการนอน มีเตียง ที่นอน โต๊ะเขียนหนังสือกับโคมไฟ เท่านี้ก็นอนได้แล้ว” คุณเจมส์ยกตัวอย่าง พร้อมเสริมว่าในช่วงแรกอาจดูบังคับ ผู้อาศัยอยู่พอสมควร แต่การฝึกจะค่อยๆ ดึงจิตใจที่เคยชินกับการแวดล้อมด้วยวัตถุมากมายให้กลับมา อยู่กับสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เหมือนอย่างคุณพ่อคุณแม่ที่ในช่วงแรกแวะเวียนมาทุกสุดสัปดาห์ เพียงเพราะ เป็นห่วงลูกชาย แต่เมื่อนานวันเข้าก็ยิ่งไม่อยากกลับกรุงเทพฯ อยากจะอยู่นิ่งๆ ฟังเสียงใบไม้พัด ปูฟูก กางมุ้งนอนรับลมที่ระเบียงเสียมากกว่า

บ้านสวนล้อมแปลงผัก
ตัวอาคารด้านทิศเหนือที่ยืดชายคาออกมาเป็นชานร่ม ออกแบบโดยใช้โครงสร้างไม้ที่ไม่สะสมความร้อน ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งมุมสุดโปรดสำหรับทุกคนในบ้าน นอนไกวเปลและนั่งเล่นพิงเสารับลมเย็นได้อย่าง สบาย
บ้านสวนล้อมแปลงผัก

หัวใจหลักของบ้าน ที่แค่ชำเลืองตาก็เจอกัน

นิสัยของคนในครอบครัวที่มีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ชอบอยู่ติดบ้าน แต่ไม่อยู่ติดห้อง ตั้งแต่สมัยเด็กที่เดิมอยู่ทาวน์เฮ้าส์ ทุกคนในบ้านจะออกจากห้องของตัวเองมารวมกันอยู่ที่ห้องส่วนกลาง จึงเคยชินกับการอยู่ตรงไหนก็มองเห็นกัน แม้ขยับขยายมาเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการจัดสรรที่มีห้องส่วนตัว ทุกคนก็ยังมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น มีโซฟาไว้อิงหลัง มีเตียงก็นอนที่พื้น ยกกับข้าวมาร่วมมื้อเย็นกันที่หน้า โทรทัศน์อยู่ดี คุณเจมส์จึงนำความอบอุ่นนี้มาเติมลงในบ้านหลังใหม่ โดยออกแบบให้มีลักษณะเปิดโล่ง เชื่อมถึงกันทั้งหมด เน้นการใช้งานร่วมกันตรงกลาง แม้อาคารที่อยู่ห่างกันก็เชื่อมกันด้วยชานร่มที่เดินได้ เรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ มีบางมุมที่ซ้อนเหลื่อมให้มีความเป็นส่วนตัวบ้าง แต่เมื่อ บิดมุมไปสักเล็กน้อย ก็สามารถมองเห็นกันได้ว่าสมาชิกในบ้านอยู่ที่จุดไหน

ห้องครัว
ครัวไทยที่เชื่อมออกมาทางด้านหลังแพนทรี่ ออกแบบฟังก์ชันให้เรียบง่ายเพื่อรองรับการใช้งานหลาก รูปแบบ โดยทำเคาน์เตอร์คอนกรีตเรียบๆ ที่มีความแข็งแรงเพื่อรองรับการทำอาหารไทย มีอ่างล้างจาน อยู่ที่ส่วนปลายของเคาน์เตอร์ เพื่อให้มีพื้นที่จัดเตรียมอาหารกว้างที่สุด
เตาอั้งโล่

เตาอั้งโล่ที่วางอยู่บนฐานไม้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากครัวไฟในสมัยก่อน ซึ่งปรับให้เข้ากับปัจจุบัน โดยยกสูงขึ้นมาจากพื้นในระดับที่สามารถยืนประกอบอาหารได้สะดวก
บานเปิดเคาน์เตอร์สำหรับรับ-ส่งอาหารในห้องครัว ประยุกต์จากบานเปิดไม้และยึดด้วยสายโซ่ เพื่อช่วยในการรับน้ำหนัก

นอกจากนี้ ยังนำสัดส่วนความสูงฝ้าเพดานของบ้านเดิมที่เคยอยู่มาใช้ในการออกแบบ เพื่อให้ เวลาที่นั่งพื้นจะไม่รู้สึกว่าสูงโล่งจนขัดเขิน ถึงแม้ในระหว่างวันที่แดดร้อนจัด ชั้น 2 ของบ้านที่ออกแบบให้ เป็นช่องลมผ่าน ช่วยระบายความร้อนออกไปจากตัวบ้าน ทำให้ชั้นล่างของเรือนประธานยังอยู่สบายเกือบทั้งวัน และด้วยการเลือกใช้ไม้ที่คลายความร้อนเร็วมาเป็นวัสดุหลักของบ้าน เมื่อแดดคล้อยต่ำ ความร้อน ที่แผ่เข้ามาในบ้านก็จะหมดไปพร้อมๆ กับแดด

บ้านสวนล้อมแปลงผัก
ออกแบบท็อปราวกันตกของโถงชั้นบนให้กว้างขึ้น แทนเคาน์เตอร์สำหรับนั่งพื้นจิบกาแฟแก้วเล็กๆ และสูงในระดับที่นั่งได้แทนม้านั่งไว้ชมวิวสวนในยามเช้า
บ้านสวนล้อมแปลงผัก
มุมโปรดของคุณพ่อที่มักจะกางมุ้งปูฟูกนอนรับลมอยู่เป็นประจำ คือโถงกลางของชั้น 2 ที่เปิดโล่งให้ลมพัด ผ่านในแนวทิศเหนือ -ใต้
เรือนอาบน้ำกลิ่นอายญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยสามส่วนการใช้งาน ได้แก่ ส่วนซักรีด ห้องสุขา และห้องอาบน้ำ โดยออกแบบแยกออกมาจากตัวอาคารหลักเพื่อให้ดูแลงานระบบได้ง่าย
โถงกลางของเรือนอาบน้ำที่แบ่งมุมหนึ่งเป็นมุมซักรีด เลือกใช้สีโทนสว่างที่สร้างความรู้สึกโล่งกว้าง ทำช่องเปิดเป็นบานกระทุ้งในส่วนด้านบนของผนังสำหรับการระบายความชื้นและยังคงความเป็นส่วนตัว พร้อมติดตั้งพัดลมเพดานช่วยในการหมุนเวียนอากาศ

ไม่ให้บ้านโดดเด่นเกินกว่าที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

การสังเกตและฝึกปฏิบัติเป็นเหมือนการเร่งเวลาของจิตใจ ข้ามความอยากต่างๆ จนมาถึง แก่นสุดท้ายคือการยึดติดกับสิ่งต่างๆ รอบตัวให้น้อยที่สุด อยู่กับความเป็นไปและเป็นส่วนหนึ่งของ ธรรมชาติ ซึ่งนำมาสู่การเลือกใช้วัสดุที่แสดงเนื้อแท้ “ตั้งใจไม่ให้บ้านโดดเด่นเกินกว่าที่เราจะนั่งฟังเสียงนก ไม่มีฟังก์ชันที่จะทำให้เรารู้สึกสนใจมากกว่าเสียงใบไม้พัด” ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไม้เก่า ปูนเปลือย และหินขัดที่มีความไม่สมบูรณ์ในตัวเอง ขาดบ้างเกินบ้างเป็นธรรมดาของวัสดุ ช่วยให้ใจยึดติดกับสิ่งที่ ควรจะเป็นไปน้อยลง


ห้องนอนแขกสีขาวสว่าง มีเพียงยกพื้นเรียบๆ กับช่องหน้าต่างสองบานในระดับความสูงที่ตั้งใจออกแบบ ให้มองได้สะดวกแม้ตอนที่นั่งอยู่กับพื้น เปรียบเสมือนแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะของแสงและเงาที่เปลี่ยน ผ่านไปเรื่อยๆในแต่ละช่วงเวลา
สตูดิโอทำงานส่วนตัวของคุณเจมส์อยู่สุดปลายสวน ในอาคารทรงเตี้ยแต่ปลอดโปร่งด้วยการทำฝ้าเพดาน โชว์โครงจันทันที่เอียงสูงไปตามหลังคา ออกแบบผนังเป็นช่องเปิดกรุกระจกใส เปิดให้แสงและลมลอด ผ่านเข้ามา ดึงให้ธรรมชาติเข้าใกล้ตัวมากขึ้นแม้จะนั่งอยู่ภายในห้อง
ห้องนอนที่อยู่ติดกับสตูดิโอในเรือนหลังเดียวกัน ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เปิดรับแสงธรรมชาติผ่านช่องเปิดที่ลมพัดเข้ามาอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสงบ พร้อมเอนกายแล้วผ่อนลมหายใจยาว

พอใจยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เปื้อนได้ แล้วเราไม่ได้ไปทุกข์ร้อนว่าจะต้องสวยเนี้ยบ มันเหมือนเป็น การสะท้อนกลับมาที่ใจของเราเอง เราอาจยึดติดกับมันมากไปว่าต้องสวยเนี้ยบตลอดเวลา แทนที่จะอยู่ อย่างมีความสุข กลับไม่มีความสุข ซึ่งในบางทีก็มีเผลอไปบ้าง ก็ได้คนข้างๆ ช่วยเตือนสติกลับมา”

หากมองให้ลึกลงไป “สมถะ – สถาน” ไม่ได้เป็นเพียงบ้านสวนพักผ่อนสงบสุข แต่เป็นโรงเรียน ที่มีธรรมชาติเป็นอาจารย์ ในบทเรียนรูปแบบกิจวัตรเรียบง่ายที่สอนให้อยู่กับความสำเร็จได้อย่างปกติสุข สอนให้อยู่กับความล้มเหลวได้อย่างไม่ทุรนทุราย ซึ่งคำตอบจะค่อยๆ เกิดขึ้นในจิตใจของคนโดยไร้ซึ่งคำ พูดใดๆ

Designer’s Tips บ้านสวนล้อมแปลงผัก

ออกแบบบ้านเพื่อให้ดูแลน้อย

นอกจากออกแบบบ้านให้สวยอยู่สบายแล้ว คุณเจมส์ อิทธินันท์ ใจมั่น สถาปนิก ยังคำนึงถึงการดูแลรักษาในระยะยาว โดยแนะนำวิธีการออกแบบเพื่อช่วยให้ดูแลบ้านน้อยลง ดังนี้

  • กำหนดฝ้าเพดานให้ไม่สูงมาก (2.50 – 2.80 เมตร) เวลาทำความสะอาดก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ลำบากมาก มีเพียงไม้กวาดก็ทำความสะอาดได้
  • เลือกใช้วัสดุไม่เน้นความเนี้ยบ ผิวหยาบ สาก มีร่องรอยในตัวเอง หรือหากเป็นคราบก็ดูไม่เลอะเทอะ มาก เช่น ไม้เก่า ปูนเปลือย หินขัด ตัดการดูแลเพื่อคงความเนี้ยบเหมือนใหม่ออก ให้เหลือเเค่ดูแลเพื่อให้ สะอาดเท่านั้น
  • แยกฟังก์ชันที่ใช้น้ำออกมาเป็นเรือนเดี่ยว ออกแบบงานระบบด้วยการเดินลอย เมื่อเกิดความเสียหาย จะสามารถตรวจเช็กได้ตามเส้นทางการเดินท่อ และซ่อมแซมได้ถูกจุดโดยไม่จำเป็นต้องรื้อผนังหรือ ฝ้าเพดานออก จะลดหรือเพิ่มจุดก็ทำได้ง่ายกว่า

เจ้าของ : คุณอิทธินันท์ – คุณกนกอร ใจมั่น

สถาปัตยกรรม : Dharmlane Studio (ทำเล่นสตูดิโอ) โดยคุณอิทธินันท์ ใจมั่น

เรื่อง : ณัฐวรา ธวบุรี

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม, วีรวัฒน์ สอนเรียง

สไตล์ : Suanpuk


100 แบบบ้านต่างจังหวัด สวย น่าอยู่

บ้านฟาร์มหลังเกษียณ ปลูกผักกินเอง

ติดตามบ้านและสวนเพิ่มได้ทางเพจ บ้านและสวน Baanlaesuan.com