ราชรถ

สุดฝีมือเพื่อพ่อ : ราชรถ ใน “ริ้วขบวน”

ราชรถ การอัญเชิญพระบรมศพสู่พระเมรุท้องสนามหลวง และอัญเชิญพระบรมอัฐิกลับสู่พระบรมมหาราชวังนั้นตามโบราณราชประเพณีจะอัญเชิญด้วยขบวนพระราชอิสริยยศ ซึ่งเรียกกันว่า “ ริ้วขบวน ” มีราชรถอัญเชิญแวดล้อมด้วยเครื่องประกอบอิสริยยศและเครื่องประโคม

ราชรถ และราชยาน หรือยานชนิดคานหาม ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในพระราชพิธีในริ้วขบวน ประกอบด้วยพระมหาพิชัยราชรถ พระที่นั่งราเชนทรยาน ราชรถปืนใหญ่ ราชรถน้อย พระยานมาศสามลำคาน

เกรินบันไดนาค ใช้เคลื่อนย้ายพระโกศพระบรมศพขึ้นลงพระมหาพิชัยราชรถ ลักษณะเป็นแท่นชักเลื่อนขึ้นลงตามรางบันไดนาคด้วยกว้านหมุนคล้ายลิฟต์ในปัจจุบัน ออกแบบโดยสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีใช้ครั้งแรกในงานพระเมรุของรัชกาลที่ 1

จากข้อมูลในหนังสือเรื่อง “พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุสมัยกรุงรัตนโกสินทร์” ของศาสตราจารย์พลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ กล่าวไว้ว่า “ราชรถเป็นเครื่องประดับราชอิสริยยศพระเจ้าแผ่นดินอย่างหนึ่ง มีหลักฐานแน่ชัดว่าเพิ่งมีในสมัยอยุธยาจัดอยู่ในเครื่องราชูปโภคของพระมหากษัตริย์…

“ราชรถที่ใช้สำหรับเชิญพระบรมศพหรือพระบรมอัฐิได้เริ่มใช้กันตั้งแต่เมื่อใดยังไม่ปรากฏหลักฐาน แต่มีหลักฐานในแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชาทรงใช้ราชรถเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนารายณ์มหาราช…”

ราชรถได้รับการสร้างให้มีรูปร่างลักษณะที่วิจิตรพิสดาร ขับเคลื่อนโดยใช้กำลังคนลาก จึงเป็นเครื่องประดับเกียรติของพระมหากษัตริย์ในพระราชพิธีเท่านั้น มิใช่พาหนะสำหรับเดินทาง แต่เนื่องจากราชรถในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นในสมัยเสียกรุงฯครั้งที่ 2 ราชรถทั้งหมดที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้จึงเป็นการสร้างขึ้นใหม่ตามพระบรมราชโองการในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชรัชกาลที่ 1

ราชรถน้อย มีลักษณะคล้ายพระมหาพิชัยราชรถและเวชยันตรารถ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ตัวราชรถลงรักปิดทองประดับกระจก มีคานยื่นออกมาเป็นรูปนาคราช บนราชรถมีบุษบกตั้งอยู่ มีทั้งหมด 3 องค์ องค์ที่ 1เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อทรงอ่านพระอภิธรรมนำหน้าขบวน องค์ที่ 2 เป็นราชรถโยงพระภูษาจากพระโกศพระบรมศพและองค์ที่ 3 ใช้เป็นราชรถสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อโปรยทานแก่ประชาชนที่มาเฝ้ากราบพระบรมศพตามทางสู่พระเมรุมาศ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้โปรดเกล้าฯให้เลิกประเพณีการโปรยทานเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล

ในพระราชพิธีครั้งนี้ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของสำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร คือ การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและราชยาน รวมถึงการจัดสร้างราชรถปืนใหญ่โดยกรมสรรพาวุธทหารบก งานบูรณะส่วนใหญ่ได้ยึดถือตามภูมิปัญญาและขนบประเพณีดั้งเดิม โดยบางส่วนอาจมีการอนุรักษ์ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือวัสดุสมัยใหม่เพื่อช่วยประหยัดเวลาและให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคสมัยปัจจุบัน

พระมหาพิชัยราชรถ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ.2338 เพื่ออัญเชิญพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกออกท้องพระเมรุเพื่อถวายพระเพลิง จากนั้นจึงถือเป็นพระราชประเพณีในการใช้พระมหาพิชัยราชรถเชิญพระโกศนับแต่นั้นมา
เทวดาประจำบนราชรถน้อยได้รับการบูรณะใหม่ด้วยการขัดแต่งลงรักปิดทองเช่นเดียวกับรูปแบบโบราณ

การบูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งราเชนทรยาน

พระที่นั่งราเชนทรยานองค์เดิมนั้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ.2353 และเป็นต้นแบบในการจัดสร้างพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยขึ้นอีกองค์ ซึ่งมีสัดส่วนรายละเอียดใกล้เคียงกัน

ในการบูรณะลงรักปิดทองใหม่ทั้งองค์ครั้งนี้ ทางสำนักช่างสิบหมู่ได้มีการขัดแต่งลอกผิวไม้สักของพระที่นั่งเพื่อขัดเซาะให้ลวดลายแกะสลักคมชัดเหมือนแรกสร้าง จึงพบว่ากรรมวิธีการปิดผิวด้วยยางรักของช่างโบราณนั้นช่วยยืดอายุเนื้อไม้สักอายุกว่า 200 ปี ให้ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นในการบูรณะครั้งนี้ทางช่างฝีมือจึงนำภูมิปัญญาการลงรักปิดทองแบบโบราณมาประยุกต์และทดลองใช้ร่วมกับวัสดุชนิดใหม่ เพื่อช่วยย่นระยะเวลาการทำงานให้แล้วเสร็จไวขึ้น

หลังจากเสร็จขั้นตอนการขัดแต่งผิวและเช็ดทำความสะอาดให้แห้งแล้ว จึงทาด้วยยางรักจากจีนซึ่งมีคุณสมบัติขุ่นใสและแห้งไว จากนั้นทาทับด้วยยางรักไทยซึ่งมีมวลเนื้อยางมากกว่า ผสมกับยางรักจีนเพื่อช่วยให้ชิ้นงานแห้งไว และด้วยความที่เป็นไม้เก่าบางจุดจึงต้องโป๊ผิวด้วยสมุกที่ทำจากผงป่นกะลาเผานวดกับรักจนเนียน โดยต้องขัดผิวไม้ให้เรียบเนียนก่อนแล้วจึงค่อยทารัก ปิดทอง และประดับกระจกตามขั้นตอน

หลังทารักจนทั่วแล้วจึงประดับกระจกโดยใช้ผงกะลาเผาป่นนวดกับรักให้เหนียวคล้ายกาว ก่อนติดกระจกแก้วตามลวดลาย

ผ้าลายทองแผ่ลวด

เป็นรูปแบบงานผ้าของช่างสนะที่ใช้กับพระวิสูตรและธงสามชาย โดยนำแบบลวดลายมาผนึกบนกระดาษน้ำตาลแล้วจึงตอกลายตามแบบ นำกระดาษฉลุลายที่ได้มาทาเชลแล็ก 3 รอบแล้วปิดทอง ตัดกระจกแก้วเป็นชิ้นเล็กๆมาติดที่ด้านหลังตามลายและสอดผ้าสี เมื่อพลิกขึ้นมาจะได้ลายสีทองประดับกระจกบนพื้นสีเหลือง แล้วจึงค่อยนำมาเย็บไค่ลาย ด้วยมือ หรือการเย็บด้ายเล็กคร่อมด้ายใหญ่ โดยให้ด้ายใหญ่ล้อไปตามขอบลาย ถือเป็นอีกหนึ่งงานฝีมือโบราณที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดประณีตอย่างสูง

ผ้าลายทองแผ่ลวด
ผ้าลายทองแผ่ลวดในส่วนของธงสามชายประจำงอนราชรถ
  • พระยานมาศสามลำคาน
    สำหรับเชิญพระบรมโกศ จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประดิษฐานบน พระมหาพิชัยราชรถ
  • พระมหาพิชัยราชรถ
    สำหรับอัญเชิญพระโกศ ทองใหญ่ไปยังพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง
  • ราชรถน้อย
    มีทั้งหมด 3 องค์ สำหรับ สมเด็จพระสังฆราช และ พระบรมวงศานุวงศ์ประทับ ในริ้วขบวน
  • ราชรถปืนใหญ่
    สำหรับเชิญพระโกศพระบรมศพจากพระมหาพิชัยราชรถแห่อุตราวัฏ (เวียน ซ้าย) รอบพระเมรุมาศ 3 รอบ ก่อนขึ้นสู่พระเมรุมาศ
  • พระที่นั่งราเชนทรยาน
    สำหรับอัญเชิญพระบรมอัฐิจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิทุกรัชกาล
  • พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย
    สำหรับอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธและวัดบวรนิเวศ วัดประจำรัชกาลที่ 9

 

อ่านต่อ :โปรเจ็กต์สุดฝีมือเพื่อพ่อ

สุดฝีมือเพื่อพ่อ : พระโกศจันทน์และหีบพระบรมศพจันทน์

ติดตามเรื่องราว #สุดฝีมือเพื่อพ่อ ทั้งหมดได้ในนิตยสาร room ฉบับเดือนตุลาคม 2560 ที่ room ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ไทย ผ่านทุกกระบวนการสร้างสรรค์พระเมรุมาศ รวบรวม เรียงร้อย และสรุปแนวความคิดการออกแบบ ความร่วมมือร่วมใจของงานช่างไทยหลากหลายสาขาที่ทุ่มเทสุดฝีมือเพื่อถ่ายทอดความทรงจําและความรักด้วยการถวายงานแด่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย


เรื่อง กรกฎา, monosoda
ภาพปก วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์
ภาพ ศุภวรรณ, ศุภกร, อภิรักษ์, อนุพงษ์, นันทิยา, สรวิชญ์
ภาพประกอบ patit