THE ESSE SUKHUMVIT 36 แก่นแท้ของความเป็นไทยในดีไซน์สากล - บ้านและสวน

THE ESSE SUKHUMVIT 36 แก่นแท้ของความเป็นไทยในดีไซน์สากล

เพราะ ดีไซน์เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ไลฟ์สไตล์มีสีสัน โดยดีไซน์จะแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียนผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปิน เช่นเดียวกันกับ บ้านที่มีสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์ช่วยส่งมอบความสุนทรีในการอยู่อาศัยผ่านงานดีไซน์ เพื่อให้บ้านน่าอยู่และเป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

SINGHA ESTATE เข้าใจและให้ความสำคัญกับงานดีไซน์จึงออกแบบให้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี  โดดเด่นด้วยดีไซน์อย่างมีเอกลักษณ์ ผ่านคอนเซ็ปต์ A Harmony of Contrast” ด้วยการหลอมรวมความแตกต่างให้เข้ากันอย่างมีสมดุล พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของคนทุกกลุ่ม  โดยเฉพาะเมื่อ SINGHA ESTATE มีผู้ช่วยมือสำคัญ มาเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม อย่าง SOM บริษัทออกแบบ 1 ในท็อป 3 ของโลก มาช่วยส่งต่อแนวคิดควบคู่ไปกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทยทั้ง Tandem Architects, shma และ dwp

THE ESSE SUKHUMVIT 36 จึงเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกของ SINGHA ESTATE ที่นำเสนอความเป็นไทยในมุมมองสากล โดยมีแนวคิดการออกแบบทั้งสถาปัตยกรรม แลนด์สเคป และอินทีเรียว่า “Authentic & Contemporary” นั่นคือการผสมผสานความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมแบบไทยกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ให้กลมกลืนอย่างลงตัว โดยเน้น ‘ความสงบ’ ของการพักอาศัยเป็นสำคัญ

A Harmony of Contrast Authentic and Contemporary การหลอมรวมความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทย กับการออกแบบที่เป็นสากล ไปสู่ความเป็น Iconic ของโครงการ

 

 • Architecture Inspired by Thai Village
สถาปัตยกรรมของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 43 ชั้นในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หากมองจากภายนอกอาจเห็นเพียงตึกสูงดีไซน์โมเดิร์น แต่ภายใต้กรอบโมเดิร์นกลับซุกซ่อนความเป็นไทยเอาไว้อย่างกลมกลืน โดยมี “บ้านเรือนไทยใต้ถุนสูง” เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ

สถาปนิกได้นำจุดเด่นของบ้านเรือนไทยมาดีไซน์ใหม่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิตอล เริ่มจากจุดเด่นเรื่องการระบายอากาศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของบ้านเรือนไทยที่เหมาะกับอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา โดยสถาปนิกออกแบบให้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นอาคารแบบ 3 Bar Sliding ซึ่งมีช่องทางระบายอากาศทางทิศใต้กับทิศเหนือ ทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในอาคารไม่อึดอัดและรู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ เพราะมีลมพัดผ่านตลอดเวลา

เมื่ออาคารมีลักษณะเป็น 3 Bar Sliding ทำให้สถาปนิกเพิ่มลูกเล่นให้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 โดดเด่นด้วย Facility บนชั้นดาดฟ้าที่ไล่ระดับเป็นสเต็ปตามโครงสร้างอาคาร  เริ่มจากชั้น 43 และชั้นดาดฟ้า ซึ่งดีไซน์ให้เป็นพื้นที่ Roof Orchard พื้นที่ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีไทย โดยให้ลูกบ้านสนุกกับการปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง พร้อมกับออกแบบให้มีพื้นที่เวิร์คช็อปใกล้ๆ กัน เพื่อส่งเสริมการทำแปลงเกษตร ขณะที่ชั้น 41 เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมที่เน้นความเป็นส่วนตัวทั้ง Sky Theater, Sky Lounge, BBQ Deck ฯลฯ และชั้น 41 ออกแบบให้เป็น Rice Field Garden พื้นที่สีเขียวให้พักผ่อนชมวิวเมือง

นอกจากนี้หากมองย้อนกลับไปยังสถาปัตยกรรมภูมิปัญญาไทยที่เรามักเห็นตามละครพีเรียดในโทรทัศน์ จะเห็นว่าบ้านเรือนไทยจะเป็นกลุ่มเรือนหลายๆ เรือน โดยเชื่อมพื้นที่ไว้ด้วยชานบ้าน ทำให้บ้านเรือนไทยหนึ่งหลังมีทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวม จากจุดนี้ SINGHA ESTATE ก็ได้หยิบมาประยุกต์กับ Facility Floor อย่าง Semi Lobby ของชั้น Ground ที่วางแปลนอย่างเป็นสัดส่วนในลักษณะเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มบ้านเรือนไทย เชื่อมต่อแต่ละส่วนด้วยชานบ้าน กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ทั้งความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็เป็น Sharing Space ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใครหลายคน

• Landscape Inspired by Rice Field
เมื่อสถาปัตยกรรมนำเสนอความเป็นไทยผ่านบ้านเรือนไทย แลนด์สเคปก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก “ทุ่งนา” ที่เน้นความเรียบนิ่ง ให้ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว โดย THE ESSE SUKHUMVIT 36 ยังแทรกพื้นที่สีเขียวเอาไว้ทุกพื้นที่ของอาคาร

เริ่มจากชั้น Ground ที่ต้อนรับเราด้วย Sunken Lawn Garden ที่ออกแบบให้เป็นสวนหลุมมีสเต็ปเสมือนทุ่งนาขั้นบันได ซึ่งนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว Sunken Lawn Garden ยังทำหน้าที่เป็นปราการกั้นความวุ่นวายจากภายนอก โดยเฉพาะเมื่อภูมิสถาปนิกออกแบบให้มีเนินดินล้อมรอบ ชวนให้คิดถึงทุ่งนาที่มีฉากหลังเป็นเนินเขา

ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมออกแบบให้แลนด์สเคปล้อกับไปกับสถาปัตยกรรม ยกตัวอย่างพื้นที่ Semi Lobby ของชั้น Ground ที่สถาปนิกวางแปลนให้เป็นสัดส่วน ขณะที่ภูมิสถาปนิกก็ออกแบบให้พื้นที่ Semi Lobby โอบล้อมด้วยสายน้ำที่ให้ความเย็นสบาย เสมือนเรือนแพ โดยมีชานบ้านทำหน้าที่เป็นทางเดินเชื่อมต่อให้ทุกส่วนเป็นพื้นที่เดียวกัน 

ส่วนพื้นที่ Facility Floor บนชั้น 7 ก็ออกแบบให้เป็น Water Garden ซึ่งได้ไอเดียมาจาก เรือนแพที่โอบล้อมด้วยสายน้ำ โดย Water Garden ยังทำหน้าที่เป็นสระว่ายน้ำให้เราแหวกว่ายยามว่างได้อีกด้วย และไม่ลืมที่จะแทรกพื้นที่สีเขียวด้วย Sunken Lawn ให้ความร่มรื่น นอกจากนี้บนชั้น 41 ของอาคาร ภูมิสถาปนิกยังนึกสนุกออกแบบให้มี Rice Field Garden พื้นที่สีเขียวที่ถอดแบบมาจากทุ่งนาขั้นบันได  กลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่ชวนสดชื่นโดยมีทิวทัศน์ของเมืองในมุมสูงไกลสุดสายตาเป็นวิวให้ชื่นชมท่ามกลางธรรมชาติ

• Interior Inspired by Thai Handicraft
ส่วนการตกแต่งภายในทั้งส่วนกลางและห้องพักอาศัย SINGHA ESTATE หยิบ “งานหัตถศิลป์ไทย” มาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ทั้งการแกะสลักไม้ด้วยลวดลายไทยที่ถูกลดทอนให้เข้าถึงง่าย และการเลือกใช้ ผ้าไหมไทยเป็นวัสดุตกแต่งชิ้นเด่น

เริ่มจากล็อบบี้ที่โดดเด่นด้วยแชนเดอเลียขนาดใหญ่ ซึ่งได้ไอเดียมาจากความพริ้วไหวของผ้าไหมไทย หรือเสาไม้สีเข้มที่แทรกความอ่อนช้อนด้วยลายไทยผ่านการแกะสลักจากช่างฝีมือไทย รวมทั้งประตูแบบบานเฟี้ยมและผนังแบบฝาประกน ซึ่งดีไซเนอร์นำมาลดทอนให้เรียบง่าย โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ของหัตถศิลป์ไทย

เช่นดียวกับห้องพักอาศัยที่อินทีเรียดีไซเนอร์ใส่เสน่ห์ของหัตถศิลป์ไทยอย่างกลมกลืนไปกับความหรูหรา โดยเฉพาะเมื่อ SINGHA ESTATE ได้จิม ทอมป์สันมาเป็นพันธมิตรในการผลิตผ้าไหมไทย ทั้งวอลล์เปเปอร์และผ้าม่าน ซึ่งทางจิม ทอมป์สันออกแบบสีผ้าไหมสีใหม่ให้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 โดยเฉพาะ ขณะที่พื้นห้องพักอาศัยปูด้วยพื้นไม้ลายก้างปลา โดยเลือกใช้สีเข้มแบบบ้านไม้เรือนไทย เพื่อล้อกับไปกับสถาปัตยกรรม

สิ่งสำคัญในการออกแบบห้องพักอาศัยของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 คือการนำเสนอความแตกต่างระหว่าง “Passion & Function”  ด้วยการออกแบบห้องพักที่มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ขณะเดียวกันลูกบ้านก็สามารถปรับเปลี่ยนและใส่ตัวตนเข้าไปได้ด้วย

A Harmony of Contrast Passion and Function การหลอมรวมความต้องการของแต่ละบุคคล กับการออกแบบยูนิตในแต่ละ type ที่ serve ความต้องการของแต่ละคน

การนำเสนอ ความเป็นไทยในรูปแบบสากลจากสายตาของนักออกแบบระดับโลก ทำให้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นคอนโดมิเนียมที่มีดีไซน์โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.singhaestate.co.th หรือโทร 1221