ชมพูพันธุ์ทิพย์
ชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือชมพูอินเดีย ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ให้ร่มเงา ปลูกริมถนนได้ ไม่ควรปลูกใกล้กับสิ่งก่อสร้าง เพราะมีระบบรากแข็งแรง อาจทำให้อาคารเสียหายได้
ชมพูพันธุ์ทิพย์ / ชมพูอินเดีย / ธรรมบูชา / Rosy trumpet tree
ชื่อวิทยาศาสตร์: Tabebuia rosea (Bertol.) Bertero ex A. DC.
วงศ์: Bignoniaceae

ประเภท: ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่
ความสูง: 8-25 เมตร
ทรงพุ่ม: เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม แผ่กว้างเป็นชั้นๆ ขนาดทรงพุ่ม 8-12 เมตร
ลำต้น: ผิวลำต้นสีน้ำตาลขรุขระ
ใบ: ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 5 ใบ ใบรูปรี ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนหรือสอบ ขอบใบเรียบ
ดอก: ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อละ 5-8 ดอก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก คล้ายรูปแตร ดอกสีชมพูอ่อน ชมพูสดถึงขาว กลางดอกสีเหลือง เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร เกสรเพศผู้มี 4 อัน ร่วงง่าย ดอกออกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
ผล: เป็นฝักกลมยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก เมล็ดแบบสีน้ำตาล มีปีกปลิวไปได้ไกล
อัตราการเจริญเติบโต: เติบโตเร็ว
ดิน: ปลูกได้ในดินทั่วไป
น้ำ: ปานกลาง ทนสภาพน้ำท่วมได้ดี
แสงแดด: ครึ่งวันถึงเต็มวัน
ขยายพันธุ์: เพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง
การใช้งานและอื่นๆ:
- ให้ร่มเงา ปลูกริมถนนได้ แต่ไม่เหมาะกับสนามเด็กเล่นและลานจอดรถ
- ใบใช้ต้มแก้ปวดท้องหรือท้องเสียหรือตำให้ละเอียดพอกใส่แผล ลำต้นใช้ทำฟืน เยื่อใช้ทำกระดาษได้
- ไม่ควรปลูกใกล้กับสิ่งก่อสร้าง เพราะมีระบบรากแข็งแรง อาจทำให้อาคารเสียหายได้
- มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ตั้งชื่อไทยโดย หลวงบุเรศรบำรุงการ เพื่อเป็นเกียรติแก่ “คุณท่าน” หรือ หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ผู้นำพรรณไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูกเป็นคนแรกในเมืองไทยราวปีพ.ศ. 2490 ปัจจุบันกลายเป็นไม้ประดับที่พบได้ทั่วไป
