เกรวิลเลีย มีทั้งที่เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้รอเลื้อย เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ออกดอกครั้งละหลายช่อ แต่ละช่อบานอยู่ได้นานหลายเดือน
ต้นสนเกรวิลเลีย ถิ่นกำเนิดจากหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีจุดเด่นเรื่องความหลากหลายของสายพันธุ์ ซึ่งมีฟอร์มและสีใบแตกต่างกันไป ตั้งแต่สีเขียว สีเขียวอมเทา สีเงินจนถึงเกือบขาว สามารถออกดอกได้ตลอดปี มีหลายสีให้เลือกปลูก ทั้งสีขาว สีขาวอมเหลือง สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีชมพู และสีม่วง
เกรวิลเลีย
ชื่อวิทยาศาสตร์: Grevillea R.Br. ex Knight
วงศ์: Proteaceae
ประเภท: มีทั้งที่เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้รอเลื้อย
ลำต้น: เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ทรงพุ่มโปร่ง นิยมแต่งฟอร์มเพื่อความสวยงาม
ใบ: ใบเดี่ยวเรียงสลับ ขอบใบหยักเว้าลึกตามแนว เส้นใบย่อยดูคล้ายใบประกอบจึงดูเป็นริ้ว ยอดอ่อนมีขนปกคลุม เมื่ออายุมากขึ้นขนจะน้อยลง แผ่นใบห้อยลง ใต้ใบมีสีเทา
ดอก: ออกดอกได้ตลอดปี มีหลายสีให้เลือกปลูก ทั้งสีขาว สีขาวอมเหลือง สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีชมพู และสีม่วง ดอกออกเป็นช่อกระจะรูปทรง กระบอกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด โดยทยอยบานจากโคนไปยังปลายช่อ ก้านเกสรเพศเมียยาว เมื่อเริ่มบานจะโค้งงอลงจรด กับปลายวงกลีบรวม ออกดอกครั้งละหลายช่อ แต่ละช่อบาน อยู่ได้นานหลายเดือน
อัตราการเจริญเติบโต: ค่อนข้างโตไว
ดิน: ดินร่วน ระบายน้ำดี
น้ำ: ปานกลาง
แสงแดด: ตลอดทั้งวัน ทนแล้งได้ดี
ขยายพันธุ์: ตอนกิ่ง เสียบยอด
การใช้งานและอื่นๆ: หากต้องการปลูกตามแนวรั้วควรใช้ระยะปลูก 3 – 5 เมตร และห่างจากกำแพงไม่น้อยกว่า 1 เมตร เดิมในเมืองไทยมีเพียงสีขาวถึงขาวอมเหลืองที่เป็นไม้พุ่ม รอเลื้อย (Grevillea ‘Moonlight’) และสีชมพูที่เป็นไม้พุ่ม (Grevillea banksii) ปัจจุบันมีผู้นำพันธุ์ใหม่เข้ามาปลูกมากขึ้น ทั้งต้นที่ได้จากกิ่งตอนและการเสียบ ยอด ซึ่งใช้ซิลเวอร์โอ๊กเป็นต้นตอ
.
บทความที่เกี่ยวข้อง : มะกอกโอลีฟ
ติดตามหนังสือใหม่ๆได้ทาง : สำนักพิมพ์บ้านและสวน