ดอกกินได้
10 พรรณไม้แดดกินได้ ปลูกในสวนก็สวย เก็บมาเข้าครัวก็อร่อย
เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดจัดจ้านตลอดทั้งปี ดังนั้นพรรณไม้ที่ปลูกง่ายส่วนใหญ่จึงเป็นพรรณไม้แดด ซึ่งจุดเด่นคือมักให้สีสันที่สดใสสวยงามโดยเฉพาะดอกและใบ ทำให้เรามีพรรณไม้สำหรับให้เลือกใช้งานจัดสวนมากตามไปด้วย นอกจากนั้นยังมีไม้แดดกินได้จำนวนหนึ่งที่เราสามารถเก็บผลผลิตบางส่วนมารับประทานได้โดยไม่ต้องไปหาซื้อในตลาดให้สิ้นเปลืองร่วมด้วย ดังนี้ 1.พวงชมพู ชื่อวิทยาศาสตร์: Antigonon leptopus Hook. & Arn. วงศ์: Polygonaceae ไม้แดดกินได้ อันแรกคือไม้เลื้อยขนาดกลางดอกรูปหัวใจสีชมพูเล็กๆที่เห็นนี้มีถิ่นกําเนิดในประเทศเม็กซิโก มีชื่อสามัญหลายชื่อด้วยกัน ได้แก่ MexicanCreeper, ChainofLove, PinkVine, CoralVine มีดอกตั้งแต่สีขาว ชมพู ไปจนถึงสีชมพูเข้ม นอกจากดอกที่เป็นรูปหัวใจแล้ว ใบของพวงชมพูก็มีลักษณะเป็นรูปหัวใจสวยไม่แพ้กันสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ ในดินทุกชนิด ลักษณะนิสัยชอบแดดเต็มวัน จึงเป็นไม้เลื้อยยอดนิยมที่มักพบเห็นปลูกกันทั่วไป ช่อดอกอ่อนนำมาชุบแป้งทอด กินเป็นของว่างได้ 2.บาหยา ชื่อวิทยาศาสตร์: Asystasia gangetica (L.) Anderson วงศ์: Acanthaceae พรรณไม้คลุมดินที่พบได้ทั่วไป ขึ้นง่ายในทุกพื้นที่ เราจึงมักเห็นดอกไม้ชนิดนี้ตั้งแต่ริมรั้ว ข้างถนน หรือตามที่รกร้างว่างเปล่า เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยที่สามารถเลื้อยพันต้นไม้ไปได้ไกล ดอกออกเป็นช่อ มีหลายสี ตั้งแต่สีขาว เหลืองชมพูอ่อน ชมพูเข้ม คราม ไปจนถึงม่วง ช่อหนึ่งยาวประมาณ4นิ้ว แต่ละช่อมี10-15ดอก ทยอยบานตั้งแต่จากโคนช่อดอกไปหาส่วนยอด บาหยาแต่ละดอกจะบานเพียงวันเดียว เมื่อดอกโรยจะติดผล และพอผลแก่จะสลัดเมล็ดให้กระเด็นไปได้ไกลเราจึงมักพบบาหยาขึ้นอยู่ได้ทั่วไป ยอดอ่อนกินเป็นผักสดกับลาบ […]
ดาหลา
กะลา/กาหลา/Ginger Flower/Red Ginger Lily/Torch Ginger ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R.M.Sm วงศ์: Zingiberaceae ประเภท: ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้น: มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้าทอดเลื้อยไปตามผิวดิน เห็นข้อปล้องชัดเจน ทุกส่วนมีกลิ่นหอม ต้นเหนือดินสูงได้ถึง 6 เมตร ใบ: ใบรูปขอบขนานแกมรูปใบหอกยาวเรียงสลับกัน ดอก: ช่อดอกออกจากเหง้าชูขึ้นสูงกว่า 50 เซนติเมตร มีใบประดับหนาเรียงซ้อนกันแน่น สีชมพู แดง และขาว ดอกจริงสีเหลืองออกจากใบประดับ ผล: ผลทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในมีเมล็ดสีดำ อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง ดิน: ดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดครึ่งวันถึงรำไร พักตัวในฤดูหนาว น้ำ: ปานกลาง ขยายพันธุ์: แยกเหง้า หรือเพาะเมล็ด การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับแปลง หรือไม้กระถาง ชาวใต้นิยมกินดอกเป็นผักซอยใส่ในข้าวยำ มีรสเปรี้ยว เกร็ดน่ารู้: มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แคฝรั่ง
Madre de Cacao/Mata Raton/Nicaraguan Cocoa Shade/Quick Stick ชื่อวิทยาศาสตร์: Gliricidia sepium (Jacq.) Walp. วงศ์: Fabaceae ประเภท: ไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ ความสูง: 5 – 15 เมตร ทรงพุ่ม: มีรูปทรงไม่แน่นอน เนื่องจากแตกกิ่งก้านไม่เป็นระเบียบ ลำต้น: ลำต้นตรง เปลือกหุ้มลำต้นสีเทาอ่อน เมื่อต้นแก่เปลือกจะแตกเป็นสะเก็ด ใบ: ใบประกอบแบบขนนกออกตรงข้ามกัน ปลายใบแหลม โคนใบทู่ แผ่นใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีเขียวนวล มีขนสั้นละเอียดนุ่มปกคลุม ใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ดอก:เป็นช่อกระจะออกที่โคนก้านใบและลำต้น สีชมพู – ขาว คล้ายผีเสื้อ ออกดอกเดือนธันวาคม – พฤษภาคม ผล: ฝักแบน แห้งแตกเป็น 2 ซีก โคนและปลายฝักแหลม เมื่อแก่เปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ มีเมล็ดแบนรูปไข่สีดำฝักละ 3 – […]
ซ่อนกลิ่น
ซ่อนชู้/ลิลา/Tuberose ชื่อวิทยาศาสตร์: Polianthes tuberosa L. วงศ์: Asparagaceae ประเภท: ไม้ล้มลุก ลำต้น: มีหัวเป็นกระจุกอยู่ใต้ดินสำหรับสะสมอาหาร แตกใบจากหัวเป็นกอๆ ใบ: รูปแถบเรียวยาว ดอก: มีดอกติดอยู่ตอนปลายใบเป็นช่อยาวตั้งแต่ 6 – 15 นิ้ว ดอกย่อย 40 – 90 ดอก ทยอยบานตั้งแต่โคนช่อไปหาปลายช่อ สีขาว ส่งกลิ่นหอมแรงทั้งกลางวันและกลางคืน ดอกทยอยบานและบานอยู่ได้หลายวัน มีทั้งพันธุ์ดอกลาที่มีกลีบดอกชั้นเดียวและพันธุ์ดอกซ้อน ที่มีกลีบดอกหลายชั้น ออกดอกตลอดปี ดิน: ดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: เต็มวัน น้ำ: ปานกลาง ขยายพันธุ์: แยกหัว การใช้งานและอื่นๆ: ต้นที่ออกดอกแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ ฤดูถัดไปช่อดอกจะสั้นและเล็ก ควรขุดขึ้นมาเก็บไว้ปลูกใหม่ ดอกนำมาทำอาหาร เช่น แกงจืด หรือผัดใส่หมูสับ ดอกซ่อนกลิ่นมีกลิ่นหอมแรงในสมัยโบราณจึงนิยมใช้ประดับตกแต่งในงานศพ นัยว่าเพื่อกลบกลิ่น เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีสารเคมีช่วยรักษาศพ