© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.
สิ่งหนึ่งที่เจ้าของบ้านไม่อยากพบเจอคือ ผนังเก่า สีเริ่มซีดจาง ลอกล่อนเป็นฝุ่นผง เกิดคราบเชื้อราและตะไคร่น้ำ ยิ่งถ้าหากผนังในบริเวณนั้นสัมผัสกับความชื้น น้ำ และแสงแดด ก็จะยิ่งแสดงผลให้เห็นชัดและเร็วขึ้น อาการเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณว่าสีทาบ้านเริ่มเสื่อมสภาพ ถึงเวลาต้องทาสีใหม่แล้ว ต้องทำความเข้าใจกันก่อนเลยว่า อายุการใช้งานของสีแต่ละเกรดนั้นยาวนานไม่เท่ากันเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 5-15 ปี ยิ่งอยู่ในบริเวณที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สีเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ดังนั้นสำหรับผนังภายนอก การเลือกสีทาบ้านที่มีความทนทานต่อสภาวะอากาศ ทั้งแดด ทั้งฝน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของบ้านต้องพิจารณาร่วมด้วย ในขณะเดียวกัน ผนังภายในบ้านที่อาจจะไม่เห็นการเสื่อมสภาพด้วยตาเปล่า แต่เมื่อลองใช้มือถูหรือใช้ผ้าเช็ดจะมีฝุ่นผงหลุดล่อนติดมาด้วย นั่นก็เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าสมควรแก่การทาสีผนังใหม่แล้วเช่นกัน ซึ่งในกรณีทาสีบนผนังหนังเก่าเช่นนี้ ขั้นตอน “การเตรียมพื้นผิวก่อนการทาสี” มีความสำคัญมาก เพราะหากผนังไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทาสีใหม่อีกรอบ ปัญหาฟิล์มสีลอกล่อนก็จะตามมาเช่นเดิม ฉะนั้นมาดูกันว่าการเตรียมพื้นผิวผนังให้พร้อมสำหรับการทาสีใหม่อีกรอบต้องตรวจสอบตรงไหนอย่างไรบ้าง 1. ให้สำรวจผนังและซ่อมแซม ในขั้นตอนของการฉาบปูนหากช่างไม่มีความชำนาญ บ่มปูนไม่ดี นอกจากจะเกิดปัญหารอยแตกลายงาตามมาแล้ว ยังอาจทำให้เกิดคราบเกลือบนผนัง ที่มีสาเหตุมาจากปูนสะสมความชื้นไว้แล้วค่อย ๆ คายออก หรือปัจจัยทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น เกิดคราบตะไคร่น้ำเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงต้องสัมผัสกับความชื้น เกิดปัญหาสีหลุดร่อนเพราะความชื้นสะสมจากดิน หากผนังมีร่องรอยความเสียหายเหล่านี้ให้ทำการซ่อมแซมส่วนนี้ก่อนเป็นอันดับแรก 2. ตรวจสอบคุณภาพของผนังปูน ก่อนทาสีต้องมั่นใจว่าทั้งค่าด่างและค่าความชื้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามธรรมชาติของปูนเมื่อได้รับความชื้นจากสภาพอากาศจะเกิดความเป็นด่างทำให้ผนังเกิดคราบเกลือชัดเจน จึงควรเช็คสภาพค่าความป็นด่างของพื้นผิวโดยใช้กระดาษลิสมัต (Litmus Paper) […]