กล้วยไม้ป่า
เอื้องดิน
กล้วยไม้ดิน/ว่านจุก ชื่อวิทยาศาสตร์: Spathoglottis plicata Blume วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้ดิน ลำต้น: มีหัวรูปไข่หรือรูปรีแกมรูปไข่อยู่ใต้ดิน มีแนวข้อปล้องชัดเจน ส่วนบนมีโคนกาบใบหุ้ม ใบ: เป็นแถบ ยาวได้ถึง 1 เมตรหรือมากกว่า แผ่นใบบาง แข็ง ปลายแหลม โคนเรียวเล็กน้อย ดอก: ออกที่ปลายช่อ ตั้งตรง กลีบดอกสีชมพูถึงสีม่วงเข้ม กลีบปากเล็กและสั้น สีเข้มกว่ากลีบอื่นๆ กลางกลีบปากคอดกิ่ว ปลายแผ่เป็นแผ่นกว้าง ออกดอกตลอดปี ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: ออกดอกดกช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ต้นจะสร้างหัวใหม่ขยายกอออกไปเรื่อยๆ ปลูกเลี้ยงง่าย
เหลืองพิศมร
เหลืองศรีสะเกษ/เอื้องหัวข้าวเหนียว ชื่อวิทยาศาสตร์: Spathoglottis affinis de Vriese ชื่อพ้อง : Spathoglottis Lobbii Rchb.f. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้ดิน ลำต้น: มีหัวใต้ดิน รูปร่างไม่แน่นอน ผิวเรียบมีเยื่อบางใสคลุม ใบ: เป็นแถบ ปลายแหลม แผ่นใบบาง ดอก: ออกเป็นช่อโปร่ง 5-8 ดอก ช่อดอกยาว 20-40 เซนติเมตร ออกค่อนไปทางปลายช่อ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกคล้ายกัน กางผายออกเกือบเป็นระนาบเดียวกัน สีเหลือง อาจมีขีดสีม่วงที่โคน ช่วงกลางกลีบปากคอดกิ่ว ปลายกว้างและหยักเว้า โคนมีหูปากพับตั้งขึ้นทั้งสองข้าง สีเหลืองมีขีดสีม่วงหนาแน่น ออกดอกเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ดิน: ใบไม้ผุผสมอิฐมอญทุบ น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: พักหัวในหน้าแล้ง แตกใบในหน้าฝน
เอื้องพวงพลอย
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sarcoglyphis mirabilis (Rchb.f.) Garay วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ขนาดเล็ก ลำต้น: กลมแข็งและผอม ยาว 5-10 เซนติเมตร ใบ: เป็นแถบ ยาว 10-15 เซนติเมตร ปลายหยัก 2 แฉก ไม่เท่ากัน แผ่นใบหนา แต่ไม่แข็ง ดอก: ออกเป็นช่อ ห้อยลง ความยาวใกล้เคียงใบ ช่อดอกโปร่ง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกคล้ายกัน กางผายออกเกือบเป็นระนาบเดียวกัน สีเขียวอ่อน ปลายสีม่วงอมน้ำตาลเล็กน้อย โคนกลีบปากกระดกตั้งขึ้นทั้งสองข้าง ปลายแผ่เป็นแผ่นและหยักเว้าเป็นแฉก สีขาวอมชมพู ด้านหลังเป็นเดือยยาว ออกดอกเดือนมีนาคม-เมษายน ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: […]
สร้อยระย้า
ชื่อวิทยาศาสตร์: Otochilus porrectus Lindl. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: เป็นปล้องคล้ายไส้กรอกเรียงต่อกัน ปล้องใหม่เกิดข้างยอด ใบ: รูปรีหรือรูปรีแกมใบหอก โคนใบเรียวเป็นก้าน ใบหนาและเหนียว ผิวใบมัน ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายของปล้องใหม่ ช่อดอกห้อย ยาว 6-8 เซนติเมตร ดอกเรียงสลับซ้ายขวา แกนช่อหยักคดไปมา กลีบและกลีบปากเรียวยาว สีขาว ขอบกลีบกระดกงุ้มขึ้น ออกดอกเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: มีอีกชนิดคล้ายกันคือ Otochilus albus Lindl.
มังกรทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ornithochilus difformis (Will. ex Lindl.) Schltr. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: รากใหญ่ ต้นสั้น ใบ: รูปรีหรือรูปรีแกมรูปช้อน ปลายมนหรือแหลม ใบค่อนข้างใหญ่ ผิวใบมันเล็กน้อย ดอก: ช่อดอกโปร่ง ยาว 20-25 เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองอมเขียว มีเส้นสีม่วงแดงตามยาว 2-5 เส้น หูกลีบปากตั้งขึ้นทั้งสองด้าน ขอบกลีบปากย้วยเป็นคลื่นและฉีกเป็นครุย มีเดือย ออกดอกเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: –
เอื้องใบพลู
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nervilia plicata (Andr.) Schltr. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้ดิน ลำต้น: มีหัวอยู่ใต้ดิน แตกไหลสร้างหัวใหม่ แต่ละหัวมี 1 ใบ ใบ: คล้ายใบพลูหรือเกือบกลม ก้านใบสั้น ใบเกือบติดดิน แผ่นใบและขอบใบมีขนละเอียด ดอก: ออกเป็นช่อตั้ง ยาว 10-15 เซนติเมตร หนึ่งช่อมักมี 2 ดอก กลีบดอกเรียวยาว สีเขียวอมน้ำตาล กลีบปากม้วนเป็นหลอด สีม่วงอ่อน มีแถบสีเหลืองตามยาวกลีบที่กลางดอก ออกดอกเดือนมีนาคม-เมษายน ดิน: ใบไม้ผุผสมอิฐมอญทุบ น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกไหลหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: ในธรรมชาติบางครั้งก็พบขึ้นตามพื้นดินในที่ร่มตามป่าดิบ
เอื้องลิ้นดำ
ชื่อวิทยาศาสตร์: Luisia thailandica Seidenf. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: กลมยาวและแข็ง ตั้งตรง สูง 20-50 เซนติเมตร ใบ: กลมยาวคล้ายต้น เรียงเป็นระยะๆ รอบต้น ดอก: ออกเป็นช่อสั้นที่ซอกใบ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกหนาเป็นมันและงุ้มลงมาคลุมกลีบปาก สีเหลืองอมเขียว กลีบปากเป็นแผ่นหนา สีม่วงอมน้ำตาลเข้ม แยกเป็นสองช่วง ช่วงโคนผิวเรียบและมีหูปาก ช่วงปลายแผ่เป็นแผ่นกลมหรือรูปไข่ ผิวขรุขระเป็นตุ่ม ดอกบานหลายวัน ออกดอกเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: ในธรรมชาติบางครั้งก็พบขึ้นบนหิน
เอื้องดอกหญ้า
ชื่อวิทยาศาสตร์: Goodyera procera (Ker-Gawl.) Hook.f. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: เป็นลำ สูง 20-40 เซนติเมตร โคนต้นมักมีกาบใบหุ้ม ขึ้นเป็นกอ ใบ: รูปรีแกมขอบขนาน ปลายแหลม แผ่นใบบางและอ่อน ดอก: ออกเป็นช่อ ค่อนข้างแน่นที่ยอด ช่อดอกยาว 13-20 เซนติเมตร ดอกสีนวลหรือสีเขียวอ่อน ดูคล้ายดอกหญ้า ออกดอกเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: ในธรรมชาติพบขึ้นบนหินหรือเปลือกไม้
เอื้องม้าลาย
ชื่อวิทยาศาสตร์: Phalaenopsis minus Seidenf. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: คล้ายตากาฉ่อ (P.deliciosum) ใบ: รูปขอบขนาน คล้ายตากาฉ่อ แต่กว้างกว่า ดอก: ออกเป็นช่อ บานค่อนข้างพร้อมกัน กลีบเลี้ยงละกลีบดอกสีเหลืองนวล มีแถบเส้นสีม่วง กลีบปากแคบ สีเหลือง ปลายแหลม มีแต้มจุดประสีม่วง ออกดอกเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: เป็นกล้วยไม้ที่พบเฉพาะในประเทศไทย พบได้ในภาคอิสาน แต่หายาก
เอื้องนิ่มดอกเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Eria Bractescens Lindl. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: เป็นลำอวบ รูปรี มักแบนเล็กน้อย ผิวมีร่องตื้นตามยาว ขึ้นเบียดกันแน่นเป็นกลุ่ม ใบ: รูปรี แผ่นใบหนาเหนียว แต่ไม่แข็ง มี 1-2 ใบที่ยอด ดอก: ออกเป็นช่อ 6-8 ดอกใกล้ยอด ช่อดอกโปร่ง กลีบดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงผายออก และมีขนาดใหญ่กว่ากลีบดอก โคนกลีบปากกระดกขึ้นทั้งสองข้าง สีน้ำตาลแดง ปลายแผ่เป็นแผ่นและงอนออก ขอบย้วยเล็กน้อย กลางกลีบปากมีสันตามยาว ออกดอกเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ […]
เหยือกน้ำดอย
ชื่อวิทยาศาสตร์: Acanthephippium striatum Lindl. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้ดิน ลำต้น: มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นเหนือดินมีลักษณะเป็นหัว ใบ: รูปขอบขนาน แผ่นใบหนาอวบและแข็ง ดอก: ออกเป็นกระจุกจากโคนหัว ดอกสีขาว โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเปิดออก ทำให้ดอกเป็นถุง กลีคบปากเล็ก สีเหลือง ทยอยบานครั้งละ 1-2 ดอก ออกดอกเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดิน: ใบไม้ผุผสมอิฐมอญทุบ น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: เป็นกล้วยไม้หายาก
เอื้องช้างสารภี
เอื้องสารภี/เอื้องเจ็ดปอย ชื่อวิทยาศาสตร์: Acampe rigida (Buch.-Ham. ex J.J.Sm.) Hunt วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: ขนาดใหญ่ สูง 30-50 เซนติเมตรหรือมากว่า มีใบจำนวนมาก ใบ: รูปชอบขนาน แผ่นใบหนาอวบและแข็ง ดอก: ออกเป็นช่อสั้นตามซอกใบ 5-10 ดอก กลีบงุ้มเข้าหากัน สีเหลืองอมเขียว มีขีดสีม่วงแดงตามขวาง โคนกลีบปากม้วนเป็นถุงสั้นๆ ปลายแผ่เป็นแผ่นกว้าง สีขาว มีเนื้อเยื่อนูนเป็นตุ่มเล็กๆ หนาแน่น ดอกบานนาน มีกลิ่นหอม ออกดอกเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร […]
เรื่องกล้วยไม้ที่คุณอาจไม่รู้
กล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่ใครเห็นใครก็รัก เพราะเป็นไม้ประดับที่มีรูปแบบหลากหลายและแตกต่างกันมากมาย ปัจจุบันพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วโลกมากกว่า 796 สกุล 19,000 ชนิด และในจำนวนนี้มีถิ่นกำเนิดในเมืองไทยถึง 168 สกุล มากกว่า 1,170 ชนิด มีทั้งที่เจริญเติบโตอยู่บนดิน (terrestrial) อาศัยอยู่บนพืชอื่น (epiphytic) หรือเจริญอยู่ตามซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ (saprophyte) ส่วนใหญ่พบในประเทศเขตร้อน โดยประเทศไทยจัดเป็นแหล่งที่มีกล้วยไม้ป่ามากแห่งหนึ่งในโลก ในทางพฤกษศาสตร์ จัดกล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และจำแนกออกเป็นสกุลต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้ขอกล่าวเพียงบางส่วน อาทิ * สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum) พบกระจายพันธุ์อยู่ตามทิวเขาที่มีระดับความสูงไม่มากนัก และตามป่าผลัดใบ ส่วนใหญ่เติบโตอยู่ตามพื้นดินหรือซอกหิน บางชนิดก็เกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ * สกุลหวาย (Dendrobium) เป็นกล้วยไม้สกุลใหญ่ ค้นพบแล้วประมาณ 1,000 ชนิด จำแนกเป็นหมวดหมู่ย่อยมากกว่า 20 หมู่ เป็นสกุลที่นิยมพัฒนาพันธ์ุเพื่อการค้า * สกุลคัทลียาและสกุลใกล้เคียง (Cattleya & allied genera) ประกอบด้วยสกุลย่อย […]
เรื่องกล้วยไม้ที่คุณอาจไม่รู้
กล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่ใครเห็นใครก็รัก เพราะเป็นไม้ประดับที่มีรูปแบบหลากหลายและแตกต่างกันมากมาย ปัจจุบันพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วโลกมากกว่า 796 สกุล 19,000 ชนิด และในจำนวนนี้มีถิ่นกำเนิดในเมืองไทยถึง 168 สกุล มากกว่า 1,170 ชนิด มีทั้งที่เจริญเติบโตอยู่บนดิน (terrestrial) อาศัยอยู่บนพืชอื่น (epiphytic) หรือเจริญอยู่ตามซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ (saprophyte) ส่วนใหญ่พบในประเทศเขตร้อน โดยประเทศไทยจัดเป็นแหล่งที่มีกล้วยไม้ป่ามากแห่งหนึ่งในโลก ในทางพฤกษศาสตร์ จัดกล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และจำแนกออกเป็นสกุลต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้ขอกล่าวเพียงบางส่วน อาทิ * สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum) พบกระจายพันธุ์อยู่ตามทิวเขาที่มีระดับความสูงไม่มากนัก และตามป่าผลัดใบ ส่วนใหญ่เติบโตอยู่ตามพื้นดินหรือซอกหิน บางชนิดก็เกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ * สกุลหวาย (Dendrobium) เป็นกล้วยไม้สกุลใหญ่ ค้นพบแล้วประมาณ 1,000 ชนิด จำแนกเป็นหมวดหมู่ย่อยมากกว่า 20 หมู่ เป็นสกุลที่นิยมพัฒนาพันธ์ุเพื่อการค้า * สกุลคัทลียาและสกุลใกล้เคียง (Cattleya & allied genera) ประกอบด้วยสกุลย่อย […]
นางตายน้อย
นางตายตัวผู้ ชื่อวิทยาศาสตร์: Habenaria lindleyana Steud. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้/ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้น: สั้นมาก อยู่ที่ระดับดิน มี 3-5 ใบ มีหัวใต้ดิน ใบ: รูปรีกว้าง ค่อนข้างหนาและอวบน้ำ สีเขียวเข้ม ปลายมน เรียงตัวในแนวระนาบเวียนรอบต้นที่ระดับดิน ดอก: ออกเป็นช่อตั้ง ยาว 20-40 เซนติเมตร ดอกมักเกิดค่อนไปทางปลายช่อ ลักษณะเป็นพุ่ม สีขาว กลีบปากเรียวยาว สีขาว ที่โคนมีเดือยยาวทั้งสองข้าง ติ่งที่อยู่กลางดอกคือเส้าเกสร ออกดอกเดือนกันยายน-ตุลาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: […]
นางอั้วน้อย
ว่านข้าวเหนียว/เอื้องข้าวตอก ชื่อวิทยาศาสตร์: Habenaria dentata (Sw.) Schltr. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้/ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: มีหัวใต้ดิน ต้นเหนือดินสูง 10-20 เซนติเมตร ใบ: รูปรี ปลายมนหรือแหลม ดอก: ออกเป็นช่อตั้ง ยาว 12-20 เซนติเมตร ดอกมักเกิดค่อนไปทางปลายช่อ ช่อดอกค่อนข้างแน่น กลีบดอกสีขาว กลีบปากเป็น 3 แฉก แฉกกลางเป็นแถบแคบเรียว สองแฉกข้างแผ่เป็นแผ่นกว้าง ขอบเป็นครุย บางครั้งก็ลดรูปเป็นติ่งเล็กๆ ออกดอกเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: […]
เอื้องข้าวสาร
ชื่อวิทยาศาสตร์: Liparis Viridiflora (Blume) Lindl. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: เป็นลำยาว อวบน้ำ ขึ้นรวมเป็นกอแน่น ใบ: รูปแถบแคบยาว แผ่นใบบางและอ่อน ดอก: ออกเป็นช่อค่อนข้างแน่นที่ยอด ต้นละ 1-3 ช่อ ช่อดอกยาว 15-20 เซนติเมตร ดอกสีครีมหรือสีขาวอมเขียวอ่อน ขนาดเล็ก ทยอยบานเป็นเวลานาน ออกดอกเดือนมกราคม-พฤษภาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: สามารถขึ้นบนหินหรือบนพื้นดินได้
เอื้องบายศรี
เอื้องคำหิน ชื่อวิทยาศาสตร์: Eria Lasiopetala (Willd.) Ormerod ชื่อพ้อง : Eria pubescens (Hook.) Steud., Eria albidotomentosa (Blume) Lindl. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น: เป็นหัวรูปกลมรี หรืออ้วนป้อม มักมีกาบใบหุ้ม เรียงตัวบนเหง้าห่างกัน 2-10 เซนติเมตร ใบ: รูปขอบขนานแกมรี มี 3-5 ใบ แผ่นใบหนา ดอก: ออกเป็นช่อตั้ง 5-10 ดอก เกิดตามข้อใกล้ยอด กลีบดอกสีเหลือง ผายออกเล็กน้อย ปลายกลีบปากแผ่เป็นแผ่นยาวและงอนออก สีเหลือง มีแถบสีม่วงตามยาว ก้านและแกนช่อมีขนสีขาว ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก […]