ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นวินเทจ – บ้านและสวน

NAN BEI ร้านอาหารจีนที่เจือกลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจสุดฟู่ฟ่ากลางใจเมือง

ห้องอาหารจีนบนโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิทานพื้นบ้านของจีนเรื่อง “หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า” ตำนานความรักต้องห้ามระหว่างหนุ่มเลี้ยงวัวบนโลกมนุษย์กับสาวทอผ้าในดินแดนสวรรค์ ที่มีทางช้างเผือกเป็นสะพานเชื่อมทั้งสองให้ได้มาพบกัน Nan Bei “Nan Bei” ที่ได้ชื่อร้านมาจากภาษาจีน “Nan” ที่แปลว่าทิศเหนือ กับ “Bei” ที่แปลว่าทิศใต้ ได้นำเสนอเรื่องราวนิทานผ่านการจัดวางผังร้านที่เน้นความสมมาตร และการออกแบบห้องแต่ละห้องให้พ้องกับเรื่องเล่าในนิทาน เริ่มจากส่วนต้อนรับ ที่แขกจะพบกับโซน “Moon Gate” เป็นมุมถ่ายรูปหน้าโถงกระจกห้อยประดับด้วยงานออกแบบแสงระยิบระยับเป็นตัวแทนของจักรวาลพระจันทร์ที่กั้นช่องทางเดินแบ่งเป็น 2 ฝั่งที่จะนำพาไปสู่ส่วนหลักของร้านอาหารภายในอันจะพบกับครัวโชว์ ที่แบ่งตามคอนเซ็ปต์ร้านอย่างชัดเจน เช่น ทิศเหนือ เป็นที่ครัวที่เสิร์ฟเป็ดปักกิ่งและบรรดาอาหารย่าง ในขณะที่ทิศใต้จะเสิร์ฟอาหารทะเลในนี้ออกแบบให้มีที่นั่ง Long Table ตรงกลาง และบาร์ประกบส่วนประกอบอาหาร 2 ฝั่งเพื่อชมเชฟในขณะปรุงได้ ได้ขณะที่ทิศตะวันออก เป็นส่วนของห้องส่วนตัว 2 ห้องขนาดใหญ่และเล็กออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์การเป็นห้องฝั่ง “คนเลี้ยงวัว” ที่ประกอบด้วยภาพบนผนังตามเรื่องเล่าในนิทาน และการออกแบบองค์ประกอบทั้งโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ที่สื่อถึงหนุ่มเลี้ยงวัวบนโลกมนุษย์ เช่นเดียวกับฝั่งตะวันตกที่เป็นส่วนของบาร์และเลานจ์แอลกอฮอล์ เป็นส่วนของ “หญิงทอผ้า” ที่มีการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ที่อิงจากสาวทอผ้าบนสรวงสวรรค์ ภาพรวมของร้านต้องการออกแบบเพื่อสื่อถึงความเป็นตะวันออกโดยเน้นไปที่ความโมเดิร์นของเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุค Mid-Century ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ฟู่ฟ่าโดยเน้นสีเขียว เหลือง น้ำเงิน และการใช้โลหะที่ขับเน้นเอกลักษณ์ของร้านได้ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์น่าจดจำ เจ้าของ […]

BURAPA EASTERN THAI CUISINE & BAR ร้านอาหารไทยในโบกี้รถไฟย้อนยุค

“บูรพา” ที่แปลว่าทิศตะวันออก เป็นที่มาของชื่อร้าน Burapa Eastern Thai Cuisine & Bar ที่เน้นการรังสรรค์เมนูอาหารที่ผสมผสานระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือ ในรูปแบบอาหาร Thai regional fine dining จากแนวคิดของเจ้าของร้านที่ต้องการเชื่อมพรมแดนของทั้ง 2 ภูมิภาคของไทยเข้าหากัน ผ่านการออกแบบร้านในตึกแถว 3 ชั้น เป็นเสมือนโบกี้รถไฟ ซึ่งคนทั้ง 2 ภูมิภาค ใช้นำวิถีชีวิตรวมถึงอาหารของพวกเขา เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อย่างเมืองกรุงเทพฯ เป็นตัวกำหนดทิศทางการออกแบบร้าน Burapa Eastern Thai Cuisine & Bar โดยมีคอนเซ็ปต์การทำโบกี้รถไฟแบบที่ย้อนไปสู่ยุคแรก ๆ ที่คนสยามพึ่งพารถไฟเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง อย่างในยุครัชกาลที่ 5 แต่ในรูปแบบที่หรูหราขึ้น หรือเป็นโบกี้รถไฟสำหรับท่องเที่ยวของคนชั้นสูง แบบที่อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้สัมผัส ภาพลักษณ์ของร้านจึงอ้างอิงไปสู่ศิลปะและองค์ประกอบการตกแต่งในแบบ Art Deco ตอนช่วงราวต้นศตวรรษที่ 20 ที่โดดเด่นที่การใช้โลหะ และเส้นสายที่ดูวิจิตรซึ่งการตกแต่งในร้านแบ่งออกเป็น 3 แบบแตกต่างกันไปตามการใช้งานในแต่ละชั้น เริ่มจากชั้น 1 เป็นบาร์และส่วนรับประทานอาหารกลางแจ้งใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก เมื่อขึ้นมาชั้น […]

LENNON’S บาร์ลับย่านเพลินจิตกลิ่นอายย้อนยุคบนชั้นสูงสุดของโรงแรม ROSEWOOD BANGKOK

LENNON’S ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรมหรู Rosewood Bangkok ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากห้องบันทึกเสียงแบบโฮมสตูดิโอกับการตกแต่งที่พาย้อนไปสู่ยุค Vienna Secession หรือยุคของงานศิลปะที่แสดงความรุ่มรวยและฟู่ฟ่าของสังคมยุคปลายศตวรรษที่ 19 บาร์ลับย่านเพลินจิต แห่งนี้ โดดเด่นทั้งการตกแต่งและล้นไปด้วยแผ่นเสียงไวนิล ที่ใช้เปิดในร้าน “Lennon’s” และใช้โชว์ตกแต่งไปในตัว นับรวมกันแล้วมีมากกว่า 6,000 แผ่น นับตั้งแต่ทางเข้าจากโถงลิฟต์ ซึ่งจะพบกับโซนโชว์และจำหน่ายแผ่นเสียงจำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับเป็นส่วนต้อนรับ ก่อนจะนำเข้าสู่ตัวบาร์ที่โดดเด่นด้วยผนังกระจกเผยทัศนียภาพของเมืองกรุงเทพฯ อย่างเต็มตา พื้นที่บาร์ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยการเน้นองค์ประกอบของแสงไฟตามแบบอย่างการออกแบบตกแต่งในยุค Vienna Secession รวมถึงการใช้ทองเหลือง ไม้วอลนัท และหินอ่อนสีเทาที่กลมกลืนและสร้างบรรยากาศชวนสนุก พื้นที่นั่งแบบเลานจ์สำหรับกลุ่มเพื่อนถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่ง กรุพื้นด้วยไม้สีเข้ม กรุผนังด้วยผ้าบุสีชมพูอ่อน และองค์ประกอบการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากบรรดาเครื่องดนตรีทองเหลือง ในที่นี้ จะพบบันไดเวียนโลหะสีดำที่ตกแต่งโดยรอบด้วยศิลปะแบบ Vienna Secessionที่นำไปสู่ห้องเลานจ์สำหรับสูบบุหรี่ โดยรวมแล้วที่นี่ถูกออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากความเฟื่องฟูของยุควินเทจ และแรงบันดาลใจจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ปรากฏทั้งเป็นองค์ประกอบตกแต่งทั่วร้าน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบโคมไฟและแสง ที่เป็นส่วนประกอบหลักของที่แห่งนี้ก็ว่าได้ เจ้าของ: Rende Development Co., Ltd. ออกแบบ: AvroKO ภาพ : Owen Reggett […]

JACQUELINE BANGKOK จิบค็อกเทลในบาร์ที่จะพาคุณย้อนสู่ยุค50’s

ย้อนบรรยากาศกลับสู่ยุค 50’s กับ JACQUELINE BANGKOK บาร์สไตล์ American Mid-Century บนชั้น 2 ของโครงการสิริเฮ้าส์ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตีเฮ้าส์ย่านชิดลม ด้วยการหยิบคาเเร็กเตอร์สุดเฟียร์สของแจ็คเกอลีน เคนเนดี มาใช้เป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบตกแต่ง จากบ้านเก่าที่สร้างขึ้นในยุค 50’s ภายในซอยสมคิด ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อเปิดเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านดอกไม้ เเละโดยเฉพาะบาร์แห่งนี้ จากประวัติอันยาวนานเเละรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ทุกอย่างจึงดูลงตัวเข้ากับคอนเซ็ปต์บาร์ยุคซิกซ์ตี้อย่างยิ่ง โดยทันทีที่คุณเดินขึ้นมายังพื้นที่บาร์จะสัมผัสได้กับบรรยากาศที่เป็นกันเอง คล้ายกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักตากอากาศช่วงซัมเมอร์ริมชายหาดไมอามีอย่างไรอย่างนั้น ด้านหน้าเด่นด้วยเคาน์เตอร์บาร์ที่นำไอเดียคอปเปอร์บาร์ของบ้านตัวร้ายในภาพยนตร์ Dr. No (1963) มาดีไซน์กลายเป็นเคาน์เตอร์บาร์สีทองเเดงสามารถรับบริการเครื่องดื่มจากบาร์เทนเนอร์ได้รอบทิศทาง ท็อปด้านบนปูด้วยหินขัดเทอร์ราซโซ วัสดุยอดนิยมของยุคนั้น พร้อมกับประดับโคมไฟเเขวนสไตล์สเเกนดิเนเวียนช่วยย่อสเปซลงมา รอบ ๆ เคาน์เตอร์ทั้งในเเละนอกจัดวางสตูลบาร์ตัวสูงทำจากหวายสไตล์ทรอปิคัล ดูรีเเล็กซ์เข้ากับบรรยากาศร่มครึ้มของไม้ใหญ่ในโครงการ ขยับเข้ามาที่โซนด้านในจะพบกับชุดเฟอร์นิเจอร์บุเบาะกำมะหยี่สีสันสดใสหนานุ่ม ร่วมด้วยองค์ประกอบอย่าง เเพตเทิร์นไม้เเต่งผนังสีน้ำตาลเข้ม ทาสีผนังด้วยสีน้ำเงินเเกมเขียวสื่อถึงสไตล์วินเทจ รู้สึกได้ทั้งความเป็นเฟมินีนเเละโฮมมี่พร้อม ๆ กัน หากอยากออกไปสูดอากาศด้านนอกก็มีระเบียงให้นั่งเล่น บนเบาะสีฟ้าขลิบขอบขาว ซึ่งนิยมใช้ในสถานที่ตากอากาศริมทะเลสมัยก่อน นอกจากบรรยากาศเเละของตกแต่งที่อิงมาจากเรื่องราวชีวประวัติของแจ็คเกอลีน เคนเนดี เเล้ว เมนูค็อกเทลยังตั้งชื่อตามช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ […]

CRIMSON ROOM บาร์ลับกับห้องม่านแดง ที่จะปลุกความเป็นแกสบี้ในตัวคุณ

ปลุกความเป็นแกสบี้ในตัวคุณที่ CRIMSON ROOM บาร์ลับ ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการ Velaa Sindhorn Village ย่านสวนลุม หากใครไม่เคยมาที่นี่ อาจต้องเดินวนหากันอยู่หลายรอบสักหน่อย เพราะหน้าร้านมีเพียงป้ายตั้งพื้นขนาดเล็กสีแดงตัดกับผนังไม้เดินลายด้วยสเตนเลสสีทองตลอดผืน พร้อมประตูทางเข้าหนึ่งบาน รอคุณย้อนเวลากลับไปสู่ยุค Jazz Age หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 บาร์ลับ ภายในคุมโทนด้วยสีแดงทั้งห้องตัดกับสีทองเงาวับ บ่งบอกถึงค่านิยมและสังคมยุค 1920s ที่เต็มไปด้วยความหรูหราฟูฟ่าของแฟชั่น และการออกงานสังคม ผ่านบรรยากาศแบบเธียร์เตอร์ หรือโรงละคร ซึ่งมีพื้นที่เเบบลดหลั่นกันลงไป ไล่ตั้งแต่ส่วนของบาร์ด้านบนสุด ไปยังโซนที่นั่งแบบครึ่งวงกลมที่มีความเป็นส่วนตัว ทั้งยังได้อารมณ์เหมือนนั่งดูหนังในโรงละครแบบไม่บดบังมุมมองไปยังเวทีเบื้องล่าง เลือกใช้ผ้ากำมะหยี่สีแดงมาเป็นวัสดุบุเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มความหรูหรารับกับราวสเตนเลสสีทอง ท็อปโต๊ะหินอ่อน และแชนเดอร์เลียร์ห้อยระย้ากลางเวทีดูระยิบระยับยามที่เม็ดคริสตัลต้องกับแสงไฟ ส่วนเครื่องดื่มในเล่มเมนูนั้นถูกไล่ลำดับตามแชปเตอร์ของมหรสพ เพื่อสร้างอารมณ์และประสบการณ์ในการดื่ม เริ่มจากช่วงโหมโรงกับค็อกเทลดื่มง่าย เน้นความสดชื่นสำหรับบิลด์อารมณ์ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงการแสดงจริงกับค็อกเทลรสชาติที่แรงขึ้น กระตุ้นให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีแจ๊ส ก่อนจะปิดท้ายการแสดงด้วยค็อกเทลรสหอมหวานเจือกลิ่นผลไม้ ส่งความสดชื่นผ่อนคลายก่อนกลับบ้าน นอกจากเครื่องดื่มยั่วยวนใจแล้ว ที่นี่ยังหมุนเวียนเปลี่ยนนักร้องเเละนักดนตรีมาบรรเลงเพลงแจ๊สให้คุณฟังกันแบบไม่รู้เบื่อ เพราะเชื่อว่าห้องม่านแดงแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงการดื่มกินหลังเลิกงาน ทว่าคือบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ที่ตั้ง โครงการ Velaa Sindhorn Village ถนนหลังสวน ลุมพินี กรุงเทพฯ เวลาทำการ […]

CACTUS BANGKOK รูฟท็อปบาร์ย่านสาทร ในบรรยากาศแบบปาล์มสปริงส์

ภายในซอยเย็นอากาศที่ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ บริเวณชั้นบนสุดของอาคารแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของ Cactus Bangkok รูฟท็อปบาร์ บรรยากาศสบาย ๆ เสมือนอยู่ในปาล์มสปริงส์ รัฐแคลิฟอเนียร์ รอต้อนรับให้คุณมานั่งชิลยามเย็นไปจนถึงมืดค่ำ เพื่อดื่มด่ำกับค็อกเทลรสเยี่ยม เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 4 คุณจะได้พบกับ Cactus Bangkok รูฟท็อปบาร์ กึ่งเอ๊าต์ดอร์ที่ผู้ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปนิกอเมริกันแห่งยุค Mid-Century อย่าง John Lautner ด้วยการออกแบบสเปซให้พื้นที่ภายนอกและภายในเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน และเน้นเปิดรับวิวเขียวชอุ่มสบายตาจากเรือนยอดของต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รายล้อมอาคาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เจ้าของเลือกที่นี่เป็นโลเกชั่นสุดพิเศษ สำหรับทำรูฟท็อปบาร์ใจกลางกรุงเทพฯ เเบบยากจะหาที่ใดเหมือน พื้นที่เอ๊าต์ดอร์ดูมีชีวิตชีวาด้วยบรรดาไม้อวบน้ำและกระบองเพชรหลากหลายพันธุ์ เสริมด้วยกระถางคบไฟที่วูบไหวเต้นระบำตลอดเวลา ต่อเนื่องไปสู่พื้นที่ภายในที่กรุผนังด้านข้างด้วยกระจกใสเต็มบาน สำหรับเชื่อมมุมมองให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติเเบบไม่มีอะไรมาบดบัง รวมถึงการเลือกใช้วัสดุปูพื้นอย่างหินแกรนิต โดยนำมาปูพื้นด้านนอกต่อเนื่องเข้ามาถึงพื้นด้านในจนดูเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมมุมพบปะสังสรรค์ที่มีให้เลือกนั่งหลากหลาย โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นบาร์ขนาดใหญ่กลางร้าน ซึ่งบาร์เทนเดอร์สามารถพูดคุยเเละบริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงเป็นกันเอง การตกแต่งโดยรวมเจ้าของเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบเองในสไตล์ Mid-Century อย่างโซฟาโค้งเข้ามุมที่ใช้ไม้จริงเข้าคู่กับผ้าบุจากเเบรนด์จิม ทอมป์สัน เเละโต๊ะท็อปหินอ่อนที่เพิ่มความหรูหราด้วยขอบสเตนเลสสีโรสโกลด์ผิวมันวาว เเต่เดี๋ยวก่อนความพิเศษยังไม่หมดเเค่นี้ เพราะยังมีพื้นที่ด้านบนบริเวณดาดฟ้าอีกมุม เตรียมไว้สำหรับปาร์ตี้บาร์บีคิว ในวันที่มีอีเว้นต์ หรือช่วงเวลาพิเศษของเทศกาลต่าง ๆ  เพื่อรองรับลูกค้าเเบบมาเป็นกลุ่มขนาดย่อมได้ด้วย Idea to Steal เลือกใช้บล็อกช่องลมทาสีเขียวมาทำเป็นพาร์ทิชั่นกั้นสัดส่วนของเคาน์เตอร์บาร์ทั้งสี่มุม เพื่อเป็นองค์ประกอบในการตกแต่ง เเละช่วยแบ่งพื้นที่ใช้งานให้เป็นสัดส่วน […]

SECOND EDITION ร้านอาหารฝรั่งเศส หรูหราสไตล์ MID CENTURY ที่เน้นชูรสชาติของวัตถุดิบเเท้ ๆ

ร้านอาหารฝรั่งเศส แห่งนี้ ถือเป็นภาคต่อจากร้าน 4Garçons ของ เชฟเเวน- อายุษกร อารยางกูร กับการเล่าเรื่องราวของอาหารฝรั่งเศสซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด รวมถึงยังนำประสบการณ์จากการเป็นนักเดินทางมาถ่ายทอดสู่ร้านใหม่ Second Edition ซึ่งถือเป็นการเติบโตขึ้นอีกขั้น ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายเเละเทคนิคการปรุงอาหารฝรั่งเศสเเบบดั้งเดิมไว้ เเต่ลดความขึงขังเเละเป็นทางการลง พร้อมเมนูที่มีความหลากหลายเเละรับประทานง่ายขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จจาก ร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านเเรกที่ใช้ชื่อว่า โฟร์กาซงส์ ซึ่งเเปลว่า เด็กชาย 4 คน ที่ตั้งขึ้นโดยเพื่อนสนิท 4 คน ในปี 2011 มาวันนี้จากแนวทางการตกแต่งร้านแบบ Art Deco ที่จำลองบรรยากาศเเบบฝรั่งเศสในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ดำเนินมาสู่ภาคต่ออย่างร้าน Second Edition กับการย้ายสถานที่ใหม่มาสู่ซอยสุขุมวิท 31  เเน่นอนว่าบรรยากาศของ ร้านอาหารฝรั่งเศส แห่งนี้ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเปรียบเสมือนกับการเติบโตขึ้นของเด็กชายทั้ง 4 คน สู่ชายหนุ่มผู้มีบุคลิกที่ทั้งดูเท่เเละสมาร์ทขึ้น โดยสะท้อนผ่านการตกแต่งสไตล์ Mid Century หรือยุคโมเดิร์นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ช่วงปีค.ศ.1950) ร้านอาหารฝรั่งเศ การออกแบบตกเเต่งร้านนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้รูปทรงเรขาคณิต […]